|
พระซังซานโจวซือ
พระซังซานมหาครูบา หรือที่นิยมเรียกขานท่านว่า ซาโจ้ว หรือ ส่าจ้อ หรือ พระเจงฉั่งไท่ซือ หรือ พระสังฆปรินายกองค์ที่ ๓ สมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทาน คือ ก่ำตี่เซียงซือ
พระซังซานตามประวัติของท่านไม่ชัดเจนเหมือนพระองค์อื่นๆ บางตำนานว่าท่านถือกำเนิดในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ ระหว่าง พ.ศ. ๙๘๒ - ๑๑๒๔ แต่บางตำนานว่าท่านถือกำเนิดในสมัยราชวงศ์สุย ระหว่าง พ.ศ. ๑๑๒๔ ๑๑๖๑ แต่ถ้านับเอาพระหยี่จ้อโจวซือเสด็จดับขันธ์ในปี พ.ศ. ๑๑๓๖ หลังจากที่ฮ่องเต้สุยเหวินตี้ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์สุยทรงครองราชสมบัติได้ ๑๒ ปี ท่านต้องถือกำเนิดในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือแน่นอน ไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านชื่อแซ่อะไร ถือกำเนิดที่เมืองไหน เมื่อใด ชีวประวัติของท่านจึงไม่กระจ่าง พระซังซานสมัยยังเป็นอุบาสก ท่านมีโรคประจำตัวอยู่โรคหนึ่งคือโรคลมชัก จะรักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด จะทำการงานอย่างไรเมื่อเกิดโรคลมชักขึ้นมา งานก็เสียและสร้างความรำคาญให้ท่านเป็นอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่งท่านคิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะไปปรึกษาพระภิกษุสงฆ์เพื่อโรคประจำตัวจะได้หายขาดสักที ด้วยหวังพึ่งธรรมโอสถ แต่ท่านก็ยังคิดว่า ที่เกิดเป็นโรคนี้คงเป็นเวรกรรมแต่ปางก่อนที่ชาตินี้ต้องมารับกรรมได้รับความทุกข์เวทนายิ่งนัก จะทำอย่างไรให้โรคนี้หายขาดเพื่อจะได้มีความสุขเฉกเช่นคนทั่วไปเขาบ้าง อย่างไรก็ตามบางตำนานว่าท่านเป็นโรคผิวหนังผดผื่นเน่าเหม็นคล้ายโรคเรื้อนร่างกายสกปรกมาก เมื่อคิดได้ดังนั้น อุบาสกซังซานจึงเดินทางไปยังวัดเส้าหลิน แล้วไปหาหลวงจีนเจ้าวัดคือ พระหยี่โจ้วโจวซือ โยมมาจากไหนนี่ มาที่นี่ทำไมกัน พระคุณเจ้า ผมมาหาที่พึ่งร่มโพธิ์ร่มไทรครับ ต้องการจะศึกษาหัวข้อพุทธธรรมจากพระคุณท่านครับ โอ โยม ร่างกายของโยมมีโรคที่น่ารังเกียจ แถมสกปรกขยะแขยงอีกต่างหาก แล้วโยมจะศึกษาข้อธรรมะได้อย่างไรกัน ครับ ผมเป็นคนป่วยสกปรก พระคุณท่านเป็นหัวหน้าเจ้าวัด แต่ความคิดของเรามิได้แตกต่างกันนะครับ แล้วอุบาสกซังซานจึงเล่าเรื่องความทุกข์เวทนาเกี่ยวกับโรคร้ายประจำตัวที่รักษาอย่างไรก็ไม่หายขาดสักที พระคุณเจ้าครับ นี่อาจจะเป็นเวรกรรมของผมติดมาแต่ชาติปางก่อนก็ได้นะครับ ไหน โยมช่วยเอาตัวเวรกรรมมาให้อาตมาหน่อยซิ อาตมาจะช่วยลบล้างให้ได้ ข้างอุบาสกซังซานไม่รู้ที่จะหาตัวเวรกรรมได้จากที่ไหน จึงตอบพระหยี่โจ้วโจวซือไปว่า ผมหาตัวเวรกรรมให้พระคุณเจ้าไม่ได้เลยครับ เพราะตัวเวรกรรมไม่มีตัวตนนี่ครับ พระหยี่โจ้วโจวซือตอบว่า ก็นี่แหละ อาตมาได้ลบล้างให้แล้ว แต่ถ้าโยมจะให้ลบล้างให้สิ้นเวรสิ้นกรรม ก็มีแต่พระรัตนตรัยเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ หลังจากสนทนาธรรมกันแล้ว พระหยี่โจ้วโจวซือเห็นว่า อุบาสกซังซานมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สนใจในพระพุทธศาสนามานานแล้ว หากได้ศึกษาพระธรรมให้ลึกซึ้งกว้างขวางก็จะเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ภายหลังจากนั้นไม่นานพระหยี่โจ้วโจวซือจึงได้ประกอบพิธีอุปสมบทให้ และตั้งชื่อให้ว่า ซังซาน พระซังซานได้ใช้เวลาศึกษาธรรมจากพระอาจารย์เป็นเวลาพอสมควรจนโรคที่เกาะอยู่ร่างกายเริ่มเบาบางลง จนหายขาด เพื่อหาความวิเวก พระภิกษุซังซานจึงขออนุญาตอาจารย์ไปฝึกสมาธิธรรมชั้นสูง ณ แถบเทือกเขาหวางกงซาน แถบเมืองซูโจว ก่อนที่ท่านจะเดินทางไป พระหยี่โจ้วโจวซือได้พิจารณาแล้วว่า พระภิกษุซัง ซานมีความรู้ความสามารถสูงพอที่จะเป็นธรรมทายาทได้ ท่านจึงได้มอบของสี่สิ่งให้แก่พระภิกษุซังซาน เพื่อเป็นหัวหน้าการเผยแผ่ธรรมต่อไป หลังจากที่พระฮุยค้อหยี่โจ้วโจวซือเสด็จดับขันธ์ในปี พ.ศ. ๑๑๓๖ แล้ว พระซังซานจึงได้ปฏิบัติในหน้าที่ พระสังฆปรินายกเป็นองค์ที่สาม พร้อมทั้งได้เผยแผ่ธรรมไปอย่างกว้างขวาง ก่อนที่ท่านจะดับขันธ์ไม่นานท่านได้มอบของสี่สิ่งให้แก่ศิษย์คือพระเต้าสิ่น ซึ่งจะได้เป็นพระสี่โจ้วโจวซือต่อไป ต่อมาท่านได้ประชุมสานุศิษย์ภายใต้ต้นโพธิ์แล้วสั่งสอนศิษย์ทั้งหลายเป็นวาระสุดท้าย มือหนึ่งจับกิ่งโพธิ์ยืนดับขันธ์ในฌาณสมาบัติเมื่ออายุได้ ๘๕ ปี ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ถังได้พระราชทานสมณศักดิ์ให้ว่า ก่ำตี่เซียงซือ และนำพระศพไปบรรจุไว้ ณ พระสถูปเจดีย์เนินเขาหวางกงซาน แขวงเมืองซูโจว : สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๐ Title : Patriarch Seng Ts'an ; Thirth Chinese Patriarch of Mahayana. : Somboon Kantakian |
|
|