|
พระปู้ไต้หลัวหัน
พระปู้ไต้หลัวหัน หรือ พระปู้ไต้布袋 หรือพระโฮไท่ในญี่ปุ่น หรือพระหัวเราะ 笑佛 หรือพระยิ้มแย้ม เป็นปางหนึ่งของพระโพธิสัตว์ เป็น ๑ ในพระอรหันต์ ๑๘ องค์ และเป็น ๑ ใน ๗ องค์ของพระนำโชคที่ชาวญี่ปุ่นเคารพนับถือ ส่วนในเมืองไทย เรียกว่า พระสังกัจจายน์ หรือ พระกัจจายนะมหาเถระ พระปู้ไต้ เดิม ชื่อ ฉวีคู ถือกำเนิดที่เมืองหมิงโจว เขตเฟิงหัว ในมณฑลเจ้อเจียง ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยราชวงศ์เหลียง พ.ศ. ๑๔๕๐ ๑๔๖๖ ท่านได้ศึกษาธรรมฝ่ายพุทธศาสนามหายาน ต่อมาจึงบวชเป็นพระภิกษุมีฉายาว่า ฉิ้วฉื่อ และชางทิงฉวี่ มักเห็นรูปของท่านนั่งพุงพลุ้ย ถือกระสอบหรือย่าม ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ ซึ่งแสดงถึงความมีเมตตากรุณาต่อคนทั่วไปให้พวกเขาได้รับความสุข เท้าทั้งสองอยู่บนพื้น เพราะถือว่าท่านยังไม่ได้สำเร็จมรรคผลชั้นสูงสุด เป็นพระสงฆ์ที่มีอารมณ์ดีและนิสัยดีน่ารัก และได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ที่ต้อนรับแขก ท่านชอบแจกขนมให้แก่เด็กๆ กล่าวกันว่า ในสมัยรุ่นหนุ่มท่านมีรูปร่างที่สะโอดสะองและรูปหล่อมาก ใบหน้าคมสัน ไม่มีขนหนวดเครา ผิวพรรณขาวผ่องเนียน ชายหนุ่มบางคนเมื่อเห็นท่านเกิดกลัดมันอยากเสพสังวาสด้วย ท่านจึงต้องแปลงกายเป็นคนรูปร่างอ้วนท้วนพุลพลุ้ย จนไม่มีหนุ่มคนไหนสนใจ จะเห็นว่าเค้าหน้าตายังมีร่องรอยของความหล่ออยู่ ท่านมักถือย่ามที่ทำด้วยผ้าอยู่เสมอ ภายในย่ามไม่เคยว่างเปล่า กล่าวกันว่ามีสิ่งของมีค่ามากมาย รวมทั้งข้าวเปลือกที่จะเอาไปปลูก ของกินสำหรับเด็กๆ หน้าที่ของท่านจึงคอยช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากและช่วยเด็กๆ บางครั้งจะเห็นภาพท่านถือพัด ซึ่งหมายถึงพัดที่พวกขุนนางชี้พวกทาสให้มารับรางวัล แต่ท่านนำมาใช้เพื่อเป็นการเปรียบเทียบทางธรรมให้คนปฏิบัติ ในวัดเซ็น จะประดิษฐานไว้ตรงทางเข้าวัดหรือห้องโถงแรก เป็นพระสงฆ์ที่ยิ้มแย้ม ศีรษะโล้น นั่งพุงพลุ้ยซึ่งแสดงถึงการมีความสุข มีโชคมีลาภมากมาย สวมชุดพระสงฆ์แบบจีนเป็นผ้าคลุมยาว บางรูปอาจมีรูปเด็กๆอยู่บริเวณเท้า บางครั้งอาจเป็นภาพกำลังถือบาตรเพื่อแสดงความเป็นพระสงฆ์พุทธศาสนามหายาน ตามพุทธศาสนาลัทธิเซ็นกล่าวว่า ท่านชอบเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อแจกของให้เด็กๆ ส่วนปัจจัยที่เป็นเศษเงินท่านบิณฑบาตจากพระสงฆ์ในวัดหรือบรรดาญาติโยมฆราวาสที่เข้าวัดเพื่อสวดมนต์ วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่งเข้าไปถามท่านว่า คำว่าเซ็น หมายถึงอะไรครับ หลวงพี่ ท่านวางย่ามถุงลงแล้วกล่าวตอบว่า แล้วแต่ละคนคิด แล้วเซ็นเป็นอย่างไรล่ะ ว่าแล้วท่านก็ถือย่ามเดินจากไป ก่อนมรณภาพ ท่านได้กล่าวบทสวดว่า
彌勒真彌勒,化身千百億,時時示時人,時人自不識
เมตไตรยะ เมตไตรยะที่แท้ จุติลงมาเกิดในโลกเป็นพันล้านองค์ มักปรากฏให้ปวงชนเห็นเสมอ บางช่วงเวลาคนเหล่านั้นมิได้ระลึกถึงเลย
คำว่าเมตไตรยะ หรือ มิตร เป็นคำภาษาสันสกฤต ส่วนภาษาบาลี ใช้ว่า เมตตา หรือ มิตตา หมายถึง เพื่อน ท่านจึงได้รับการยกย่องจากพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา นิกายเซ็น ลัทธิเต๋า และชินโต ว่า ท่านเป็นปางหนึ่งของพระเมตไตรโพธิสัตว์ลงมากำเนิด และถือว่าท่านเป็นหนึ่งองค์ใน พระอรหันต์ ๑๘ องค์ ในสมัยพุทธกาล คือ พระอังกิตา หรือกาลิโก เดิมเป็นชาวอินเดีย ชอบจับงูมีพิษเอาไปปล่อยเพื่อไม่ต้องการให้คนที่สัญจรไปมาเหยียบถูกงูพิษกัด ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า เป็น โพธิ ทั้งพระปู้ไต้และอังกิตาเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาและถือย่ามหรือถุงสะพายหลัง ส่วนพระสังกัจจายน์ในเมืองไทย รูปจะต่างกันตรงที่ศีรษะมีผมม้วนเป็นก้นหอยคล้ายพระพุทธเจ้า และครองจีวรแบบเถรวาท แต่ก็ยังอ้วนท้วนเหมือนเดิม ส่วนของจีนศีรษะล้าน ครองจีวรแบบจีน บางคนเชื่อว่าเมื่อไปไหว้ท่าน จะต้องลูบท้องพุงพลุ้ยของท่าน เพื่อผู้ลูบจะได้นำโชคลาภ มีความสุขและมีสติปัญญา
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑
Title : Pudai Luohan
: Somboon Kantakian
Credits : Somboon Kantakian 24/05/2004 : Pudai Luohan at Bai Ma Si, Luoyang.
Note :
พระอรหันต์ ๑๘ องค์ ได้แก่
๑. นนทิมิตร ๒. อชิตะ ๓. อิงคทะ ๔. ราหุล ๕. สุปากะ ๖. กาลิกะ ๗. นกุละ ๘. กนกภารัทวาช ๙. ปิณโฑลภารัทวาช ๑๐. กนกวัจฉะ ๑๑. สุปิณฑะ ๑๒. ภัทร ๑๓. วัชรบุตร ๑๔. มหาปันถกะ ๑๕. นาคเสน ๑๖. วนวาสี ๑๗. จุฬปันถกะ ๑๘. ปินโทละ
*****
|
|
|