Bookmark and Share Add to Favorites  
สมาชิกเข้าสู่ระบบ
User Name:
Password:
จำการล็อกอินของฉันไว้
ลืมรหัสผ่าน | สมัครสมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
ใสอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้กับเรา
จีนศึกษา
  CHINESE TEXT PROJECT
  STANDARD CHINESE
  เส้นสายลายอักษร
  ลัทธิเต๋า
  รวมเรื่องจีนศึกษา-China Knowledge
  วัฒนธรรมศึกษาจากเว็บต่างๆ
  วัฒนธรรมศึกษาจากภาพ
  พระบรมฉายาลักษณ์ของฮ่องเต้
  มังกรจีนสมัยโบราณ
  มังกรจีนศึกษา
  เลือกเพศให้ลูก
  จีนโบราณจาก บริทิชมิวเซียม
  การเดินทางไกลของเหมาเจ๋อตุง
  จีนในปัจจุบัน
แซ่สกุล
  แซ่ตระกูลที่ใช้กันมาก
  ข้อมูลตระกูลแซ่ต่างๆ
  ประวัติบางแซ่สกุล
  200 แซ่สกุลที่ใช้มาก
  ตระกูลแซ่หลิน
มหาวิทยาลัยชั้นนำ
  BEIJING UNIVERCITY
  Shanghai Jiao Tong University
  Tsinghua University
  Xi'an Jiaotong University
  The Chinese University of Hong Kong
  The University of Hong Kong
  The Hong Kong University of Science and Technology
  Southeast University
  East China Normal University
  Tongji University
  Huazhong University of Science and Technology
  The Hong Kong Polytechnic University
  Tianjin University
  City University of Hong Kong
  Harbin Institute of Technology
  Wuhan University
  China Agricultural University
  Renmin University of China
  Xiamen University
  Fudan University
  Hong Kong Baptist University
  Shandong University
  Nanjing University
  University of Science and Technology of China
  Zhe Jiang University
พิพิธภัณฑ์และหอสมุด
  NATIONAL LIBRARY OF CHINA
  CHINA'S MUSEUMS
  GREAT WALL OF CHINA
  SACRED MOUNTAINS OF CHINA
หนังสือพิมพ์
  ซินหัวไทย
  People's Daily
  Xinhua
  China Daily
  China News
  China .com.cn
  China Youth Daily
เจ - มังสวิรัติ - VEGETARIAN
  เจ-อิ่มบุญ
  พลังบุญ
  เมนูอาหารเจ
  เจทิพย์
  อาหารมังสวิรัติ
  International Vegetarian Union (IVU)
  The Veggie Hub
  Vegetarianism
  A Guide to Vetetarian
  simple-veganista.com/all-recipes
เว็บเครือสมบูรณ์
  สมบูรณ์แก่นโน้ต
  ตระกูลแซ่หลิน
  ภูเก็ตสารสนเทศ
  สมบูรณ์แก่นโน้ต

พระสถูปศากยมุนี วัดฝอกง มณฑลซานซี 佛宫寺释迦塔

 

 


        พระสถูปศากยมุนีแห่งวัดฝอกง ตั้งอยู่ที่อำเภออิง อยู่ห่างจากเมืองต้าถงลงไปทางทิศใต้ ๘๕ กิโลเมตร มณฑลซานซี พระสถูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกขานกันว่า มู่ถะ 木塔 หรือสถูปไม้

        องค์พระสถูปรูปทรงแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่บนพื้นฐานหินสูงสี่เมตร รวมแล้วสูง ๖๗.๓๑ เมตร หรือ ๒๒๐.๘๓ ฟุต วัสดุก่อสร้างเป็นอาคารไม้ทั้งหลัง และเป็นสถูปเจดีย์ไม้ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศจีน เป็นสถาปัตยกรรมอาคารไม้ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในปีพ.ศ. ๒๕๕๖ ยูเนสโก ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งในประเทศจีน

        ตัวองค์สถูป ตั้งอยู่ตรงกลางลานวัด ป่าวกง ต่อมาในปีพ.ศ. ๑๘๕๘ ได้เปลี่ยนชื่อจากวัดป่าวกงเป็น วัดฝอกง สมัยราชวงศ์หยวน ในสมัยราชวงศ์จิ้น พ.ศ. ๑๖๕๘ - ๑๗๗๗  ได้บันทึกไว้ว่า บริเวณวัดมีอาณาเขตกว้างขวางมาก ถึงสมัยราชวงศ์หมิง จึงได้ประกาศให้วัดนี้เป็นวัดของทางราชการ

        พระสถูปศากยมุนี เป็นสถูปเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม จากการบันทึกในสารานุกรมชื่อ กูจินทู่ซู่จีเฉิงสมัยราชวงศ์ชิง ฮ้องเต้คังซีและฮ่องเต้หย่งเจิ้ง กล่าวไว้ว่า สถูปสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. ๑๔๗๙ - ๑๔๘๖  ณ ที่นั้น ก่อนที่องค์ปัจจุบันจะสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. ๑๕๙๙ และจากเอกสารการบันทึกของมณฑลซานซี ได้บันทึกและได้ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญชื่อเทียนฮุ้ย สมัยฮ่องเต้ว่านลี่แห่งราชวงศ์หมิง ว่า สถูปได้รับงบประมาณและขยายให้ใหญ่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๕๙๙ โดยมีพระสงฆ์มหายานชื่อ พระเทียน เป็นผู้ดำเนินการ จากประวัติของวัดได้บันทึกไว้ว่า ต่อมาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกในปีพ.ศ. ๑๗๓๘ และในปีพ.ศ. ๒๐๑๔

        อย่างไรก็ตาม ได้มีนักวิชาการทดสอบไม้ที่สร้างว่าตั้งแต่ชั้นที่สองถึงชั้นที่ห้าได้สร้างตั้งแต่ พ.ศ. ๑๔๗๓ - ๑๕๒๓

    โครงสร้างด้านสถาปัตยกรรมขององค์สถูป เป็นแบบสถาปัตยกรรมราชวงศ์เหลียว ด้วยการใช้ไม้ประกอบที่มีรูปแบบการเข้าไม้ที่แตกต่างกันกว่า ๕๔ แบบ ระเบียงที่ยื่นออกมาระหว่างชั้น ในแต่ละชั้นของตัวอาคาร มีแขนโครงไม้ยึดเอาไว้ภายนอก เมื่อมองจากภายนอกอาคารเหมือนมีเพียงห้าชั้น จากการมองเห็นชั้นของกันสาด มีทั้งหมดห้าชั้น ในแต่ละช่วงชั้นกันสาดมีสองชั้น ชั้นที่ติดกับกันสาด และมีชั้นหลังคา

        แต่ความจริงแล้วมีทั้งหมดเก้าชั้น อีกสี่ชั้นเหมือนกับซ่อนไว้มีโครงไม้ค้ำยันให้เห็นเท่านั้น ให้สังเกตชั้นต่างๆทั้งห้าชั้นมีระเบียงโดยรอบ ส่วนภายในปูพื้นประดิษฐานพระพุทธรูปในแต่ละชั้น รวม ๒๖ องค์ และมีพระสาวกและพระโพธิสัตว์ ด้านหน้ามีประตูหน้าต่างสามช่อง ส่วนด้านข้างทั้งสองมีหน้าต่างข้างละสี่ช่อง ชั้นล่างสุดมีเสากลมค้ำยันโดยรอบ ดูเหมือนกับเป็นเสากันสาด ที่มีไม้ค้ำยันหรือแขนนาง ส่วนภายในอาคารก็มีเสาเช่นเดียวกัน

        ตรงกลางชั้นล่าง เป็นห้องโถง ประดิษฐานพระศากยมุนีนั่งขัดสมาธิ สูง ๑๑ เมตร และดูเหมือนจะเป็นองค์ประธานของสถูป มีบันไดขึ้นชั้นสอง ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์สี่องค์

        ชั้นที่สาม ประดิษฐานพระพุทธเจ้า ๕ องค์ โดยสี่องค์หันหลังให้กัน พระพักตร์หันไปทั้งสี่ทิศ

         ชั้นที่สี่ ประดิษฐานพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระโพธิสัตว์ ๔ องค์ พระสาวกอีก ๒ องค์

        ชั้นที่ห้า ประดิษฐานพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์อีก ๘ องค์

         ในแต่ละชั้นนอกจากประดิษฐานพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์พระสาวกแล้ว ยังมีพระไตรปิฎกและตำราต่างๆอีกด้วย คือในปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์องค์สถูปอีกครั้ง ผู้เชี่ยวชาญได้พบพระไตรปิฎกสมัยราชวงศ์เหลียว รวม ๑๒ ผูก พิมพ์ด้วยตัวอักษรแกะแบบเป็นตัวๆในปีพ.ศ. ๑๕๔๖ ที่เมืองแหยนจิงหรือปักกิ่งในปัจจุบัน  รวมทั้งการพิมพ์ตำราแบบบล็อกลงในกระดาษมีความยาวถึง ๓๓.๓ เมตร นอกจากนี้มีบันทึกด้วยลายมือตัวเขียนอีก ๘ ผูก

         ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้เชี่ยวชาญได้ค้นพบ พระธาตุ บรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปบนชั้นที่สี่อีกด้วย

        ในแต่ละชั้นมีเพดาน ที่แกะสลักรูปจ้าวจิงอย่างสวยงาม ตามคติว่าเป็นการป้องกันไฟไหม้อาคาร ช่องหน้าต่างทั้งแปดบานสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองอิง และสามารถเห็นภูเขาเหิงซานได้ชัดเจน ในช่วงที่อากาศโปร่งใส สามารถมองไปได้ไกลกว่าสามสิบกิโลเมตร

        จากบันทึกของอิงโจวจื่อ ว่า ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั้งสิ้นเจ็ดครั้ง ระหว่างปีพ.ศ. ๑๕๙๙ - ๑๖๔๖ แต่ไม่ได้ทำให้สถูปองค์นี้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด

        และประวัติการก่อสร้างสถูปองค์นี้ จนถึงศตวรรษที่ ๒๐ ไม่จำเป็นต้องบูรณะใหญ่โตแต่อย่างใด เพียงแต่มีการซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ในช่วงสมัยเกิดสงครามจีน - ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ทหารญี่ปุ่นได้ระดมยิงปืนใส่รอบๆองค์สถูป เมื่อเสร็จสิ้นสงครามได้มีการซ่อมแซมองค์สถูปให้อยู่ในสภาพที่ดีดังเดิม

        รัฐบาลส่วนกลางได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการวิจัยดูแลอนุรักษ์ และบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งองค์พระสถูปและอาคารโดยรอบ ด้วยงบประมาณจากส่วนกลาง รัฐบาลส่วนท้องถิ่นมณฑลซานซี ได้ประกาศให้ซ่อมแซมให้เสร็จสิ้นในปีพ.ศ. ๒๕๕๔ และในปีพ.ศ. ๒๕๕๖ ยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของจีน

        พระสถูปศากยมุนีองค์นี้ จึงเป็น พุทธศาสนสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ทั้งสถาปัตยกรรมตัวอาคารไม้ทั้งหลังที่เก่าแก่และสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในพระสถูปองค์นี้  ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๘) ทางวัดไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบน เพราะด้วยความเก่าแก่ของไม้ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าชม มองจากภายนอกอาคาร มีนกนางแอ่นบินเข้าออกชั้นบนสุดตลอดเวลา แสดงว่า นกนางแอ่นเข้าไปทำรังอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

 

   :สมบูรณ์ แก่นตะเคียน  ๑๔ ตุลาคม  ๒๕๖๒

 

***

 

ภาพประกอบ

ถ่ายโดย

ผศ.สมบูรณ์ แก่นตะเคียน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*****

 

บทความอื่นๆ ในหมวดเดียวกัน