|
ตงอี่จุนอ๋อง
ตงอี่จุนอ๋อง หรือ จ้ออ๋อง เป็นบรรพบุรุษตระกูลแซ่อ๋องสายฮกเกี้ยน จากหนังสือประวัติของศาลบูชาบรรพบุรุษต้นตระกูล แซ่อ๋อง ( ไถ้หงวนต๋อง ) ได้กล่าวไว้ว่า ตงอี่จุนอ๋อง หรือ จ้ออ๋อง เป็นต้นตระกูลของ แซ่อ๋องในมณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นเจ้าเมืองของมณฑลฮกเกี้ยนในสมัยราชวงศ์ถัง มีพี่ชายสองคน ต่างก็มีความปรีชาสามารถทางด้านการเมืองและการทหาร ได้ปราบปรามโจรผู้ร้ายในมณฑลฮกเกี้ยน จนราบคาบ และพัฒนามณฑลฮกเกี้ยนให้ประชาชนได้อยู่เย็นเป็นสุข พระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์ถัง จึงได้พระราชทานแต่งตั้งให้เป็น อ๋อง ของมณฑลฮกเกี้ยน ( เจ้าเมือง ) ตระกูลแซ่อ๋อง ได้สืบทอดลงมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะตงอี่จุนอ๋อง มีวิชาความรู้ทางสมุนไพรยาจีนเป็นหมอรักษาประชาชนอีกด้วย ตระกูลแซ่อ๋องได้มีส่วนปกครองดินแดนฮกเกี้ยนในสมัยปลายราชวงศ์ถัง เมื่อบ้านเมืองเกิดเหตุเภทภัยด้วยฮ่องเต้ไม่ทรงตั้งอยู่ในความยุติธรรม อ่อนแอในการปกครองบ้านเมือง ทำให้เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมไปทั่วประเทศ บรรดาหัวเมืองเอกที่มีนายพลทหารเข้มแข็ง ต่างก็ตั้งตนเป็นอิสระมีถึงห้าราชวงศ์ ส่วนหัวเมืองต่างก็ตั้งเป็นก๊กถึงกว่าสิบก๊ก รวมทั้งอาณาจักรหมิ่น 閩 หรือ อาณาจักรฮกเกี้ยนที่มีตระกูลแซ่อ๋องแยกเป็นอิสระ โดยมีฝูโจวเป็นเมืองหลวง แต่ขณะนั้นเรียกว่า ฉางเล่อ อาณาจักรหมิ่นเป็นอาณาจักรที่มีอิสรภาพอย่างแท้จริง และเป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ไม่ต้องรบตีชิงเมืองเหมือนอาณาจักรอื่น แต่ผลสุดท้ายต้องมาพ่ายให้กับอาณาจักรหนานถัง ที่เมืองจินหลิงหรือนานกิงในปัจจุบัน ที่คอยเวลายุบรวมอยู่แล้ว เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์หมิ่น หรือ แซ่อ๋อง ต่างชิงบัลลังก์กันระหว่างพี่น้อง จึงทำให้ล่มสลายในที่สุด จากประวัติศาสตร์จีนกล่าวว่า บิดาของหวาง(อ๋อง)เสิ่นจือ ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ถังเจาจง หรือ หลี่เย่ ซึ่งครองราชย์ระหว่างพ.ศ. ๑๔๓๑ ๑๔๔๗ ในปีรัชกาลจิ่งฝูที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๑๔๓๕ ให้เป็นผู้ตรวจการเขตแห่งมณฑลฝูเจี้ยน ส่วนหวางเสิ่นจื่อได้รับตำแหน่งหัวหน้ากองพลทหารเมืองฉางเล่อในปีพ.ศ. ๑๔๕๒ รัชสมัยฮ่องเต้ถังไอตี้หรือถังจาวเซวียนตี้หรือ หลี่จวิ้ว ครองราชย์ พ.ศ. ๑๔๔๗ ๑๔๕๐ ใช้ปีรัชกาลว่า เทียนอิ้ว ราชวงศ์ถังก็ล่มสลาย ในปี พ.ศ. ๑๔๕๒ หวางเสิ่นจื่อจึงสถาปนาตนเองเป็นอ๋องแห่งหมิ่น หรือ หมิ่นหวาง ตั้งเป็นอาณาจักรหมิ่นหรือหมิ่นหนาน มีเมืองฉางเล่อเป็นเมืองหลวง ลำดับพระมหากษัตริย์และฮ่องเต้ราชวงศ์หมิ่นมีดังนี้ พระเจ้าไท่จู่ หรือ จงอี้หวาง 忠懿王 หรือ หวางเสิ่นจื่อ王審知 ครองราชย์ระหว่างพ.ศ. ๑๔๕๒ ๑๔๖๘ พระเจ้าหวางเอี๋ยนฮั่น 王延翰 ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๑๔๖๘ ๑๔๖๙ ฮ่องเต้ไท่จง太宗 หรือ ฮ่องเต้ฮุ่ยตี้惠帝 หรือ หวางเอี๋ยนจวิน 王延鈞 ครองราชย์ระหว่างพ.ศ. ๑๔๖๙ ๑๔๗๘ ในปีพ.ศ. ๑๔๗๖ ได้สถาปนาเป็น ฮ่องเต้ ใช้ปีรัชกาลว่า หลงฉี่ พ.ศ. ๑๔๗๖ ๑๔๗๘ และปีหย่งเหอ ในพ.ศ. ๑๔๗๘ ฮ่องเต้คางจง 康宗 หรือ หวางจี้เผิง 王繼鵬 ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๑๔๗๘ ๑๔๘๒ ใช้ปีรัชกาลว่า ทงเหวิน ในปีพ.ศ. ๑๔๗๙ ๑๔๘๒ ฮ่องเต้จิ่งจง 景宗 หรือ หวางเอี๋ยนซี 王延羲 ครองราชย์ระหว่างพ.ศ. ๑๔๘๒ ๑๔๘๗ ใช้ปีรัชกาลว่า หย่งหลง ฮ่องเต้เทียนเต๋อตี้ 天德帝 หรือ หวางเอี๋ยนเจิ้ง 王延政ครองราชย์ พ.ศ. ๑๔๘๖ ๑๔๘๘ ใช้ปีรัชกาลว่า เทียนเต๋อ โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าไท่จู่ได้ประกาศแยกออกไปเป็นอีกอาณาจักรหนึ่งตั้ง ที่เมืองอิน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรหมิ่น การเมืองในราชสำนักหมิ่นวุ่นวายด้วยพวกขุนนางประจบสอพลอ จึงหวังที่จะได้ลาภยศตำแหน่งแก่งแย่งกัน พากันไปเฝ้า ฮ่องเต้ถังเอวี๋ยนจงหรือ จงจวิ่วแห่งราชวงศ์หนานถัง ที่เมืองจินหลิงหรือนานกิง เพื่อขอทหารมาปราบฮ่องเต้เทียนเต๋อตี้ พระองค์จึงทรงยกทัพเข้าไปเมืองฉางเล่อหรือฝูโจวก่อน ในปีพ.ศ. ๑๔๘๗ และในปีพ.ศ. ๑๔๘๘ เมืองอินก็ถูกปราบ อาณาจักรหมิ่นแห่งราชวงศ์อ๋องแห่งหมิ่นก็ล่มสลาย ตงอี่จุนอ๋องคือองค์ไหน เมื่อพิจารณาจากพระนามพระมหากษัตริย์ทั้งหกพระองค์ ตงอี่จุนอ๋องจึงน่าจะเป็น ฮ่องเต้ไท่จง ผู้สถาปนาพระองค์ เป็นฮ่องเต้ จากคำว่า เอี๋ยนจวิน หรือ อี่จุน นั่นเอง และทรงครองราชสมบัตินานกว่าองค์อื่นจึงน่าจะมีอำนาจและบารมีมากกว่าองค์อื่น ที่กล่าวว่ามีพี่ชายสองคน น่าจะหมายถึง หวางเสิ่นจื่อ เป็นรัชกาลที่ ๑ และ หวางเอี๋ยนฮั่นเป็นรัชกาลที่ ๒ ส่วนฮ่องเต้เทียนเต๋อตี้ทรงเป็นโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าหมิ่นไท่จู่ แซ่อ๋องเป็นแซ่ที่สืบสายมาจากบรรพบุรุษรุ่นแรกๆกว่า๕๐๐๐ ปีมาแล้ว เป็นแซ่หนึ่งใน ๑๘ แซ่โบราณทีแยกมาจากแซ่จีของพระเจ้าหวงตี้ เป็นแซ่หนึ่งใน ๘ แซ่ที่แยกมาจากแซ่จื่อของพระเจ้าตี้คู่ และเป็นแซ่หนึ่งใน ๔ แซ่โบราณที่แยกมาจากแซ่กุ้ยของพระเจ้าซุนตี้ แซ่อ๋อง หรือ หวาง 王 หรือ เฮ่ง หรือ ว่อง หรือ เฮง หรือ อ่อง หรือ โอ ตามท้องถิ่นที่เรียกขานกัน ในปี ๒๕๕๐ แซ่หวาง เป็นแซ่ที่มีการใช้มากที่สุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ประมาณว่ากว่า ๒๐๐ ๓๐๐ ล้านคน หากนับคนจีนโพ้นทะเลและคนชาติต่างๆที่มีเชื้อสายจีน และยังคงใช้แซ่หวางจะมีมากมายนัก ซึ่งแต่ละท้องที่ก็จะมีบรรพบุรุษของตนที่มีการเริ่มนับรุ่นใหม่ แต่คนเชื้อสายจีนแถบมาเลเซีย สิงคโปร์หรืออินโดนีเซียนยังนับรุ่นจากจีนได้ในบางท้องที่ ส่วนเมืองไทยได้แปลงนามสกุลเป็นไทยพันทางจนไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลยไม่ว่า แซ่อะไร อย่างไรก็ตามแซ่อ๋องได้มีการสันนิษฐานที่มากว่า ๗ ข้อ ซึ่งบางส่วนได้สรุปไว้แล้ว : สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ Title : Wang Yan Jun ( Dong Yi Jun Wang ) บทความนี้ต้องการปรับปรุงให้ถูกต้องมากกว่านี้ ถ้าหากผู้อ่านที่สืบเชื้อสายมาจากแซ่อ๋องสายฮกเกี้ยน มีเอกสารแตกต่างไปกว่านี้ และเห็นว่าตอนใดไม่ถูกต้อง กรุณาติดต่อกับผู้เขียนด้วยครับ s.kantakian@gmail.com
|
|
|