|
หวางหมุ๋เหนียงเหนียง 王母娘娘
หวางหมุ๋เหนียงเหนียง 王母娘娘 เป็นเทพธิดาอีกองค์หนึ่ง ที่ลัทธิเต๋าให้ความยกย่องเชิดชูเป็นอย่างสูง พระนามของพระนางมีหลายชื่อ อาจเรียกขานตามสำเนียงท้องถิ่น เป็น ฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว และภาษากลาง เช่น
หวางหมุ๋เหนียงเหนียง王母娘娘 อ๋องบ้อเหนียวเหนียว ชิฮั่วหยวนจวิน 西華元君 ไซฮั้วหงวนกุน ชิฮั่วตี้จวิน 西華帝君 ไซฮั้วตี้กุน ชิหวางหมุ๋ 西王母 ไซอ๋องบ้อ ชิหวางจินหมุ๋ 西王金母 ไซอ๋องกิมบ้อ หยาวฉื้อจินหมุ๋ 瑤池金母 เอี๋ยวตี้กิมบ้อ จินหมุ๋หยวนจวิน 金母元君 กิมบ้อหงวนกุน หวางหมุ๋เหนียงเหนียง 王母娘娘 อ๋องบ้อเหนียวเหนียว ฯลฯ พระนามเต็มตามลัทธิเต๋าคือ ชิฮั่วฉิ้งเลี่ยงจินหมุ๋หวงฉิ๋ไท่เมี่ยวอุ๋ซั่งหยวนจวิน西華清靈金母宏慈太妙無上元君 ตามลัทธิเต๋า พระนางทรงเป็นเทพธิดาสูงสุดในเหล่าบรรดาเทพธิดาทั้งมวลบนสวรรค์ เหล่าเทพธิดาทั้งหลายจึงต้องเข้าเฝ้าเพื่อรับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ดังนั้นเมื่อดวงวิญญาณสตรีใดที่สวรรค์โปรด จึงต้องเข้าเฝ้ารับการแต่งตั้งจากพระนาง พระนางจึงทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพธิดาทั้งหลายในสวรรค์ และทรงได้รับนับถือว่าเป็น อินหรือหยิน คู่กับหยาง ในพลังจักรวาล ในเทพนิยายบางเรื่อง ได้กล่าวถึงพระนางว่า ทรงเป็น พระสนมเอกขององค์อวี้หวงซั่งตี้ หรือ หยกอ๋องส่องเต่ แต่บางตำนานกลับกล่าวว่า พระนางทรงเป็นพระมารดาขององค์หยกอ๋องส่องเต่ บางตำนานกล่าวว่า พระนางเป็นพระธิดาองค์หนึ่งใน ๙ องค์ ขององค์หยกอ๋องส่องเต่ แต่ตามลัทธิเต๋าถือว่า พระนางมิได้เป็นอะไรกับองค์หยกอ๋องส่องเต่ แต่โดยพระภารกิจแล้ว ทรงเกี่ยวเนื่องกัน พระนางทรงปกครองดูแลเหล่าเทพธิดาทั้งปวง ทรงดูแลอุทยานสวนท้อวิเศษ ที่เหล่าบรรดาเทวดา เซียน มนุษย์ อยากลิ้มรส เพื่อชีวิตจะได้เป็น อมตนิรันตกาล ทรงเป็นพระราชมารดาแห่งแดนสุขาวดี สวรรค์เหนือพืดเขาคุนลุ้นทางทิศตะวันตกของประเทศจีน ในชีวิตจริง ก่อนที่จะทรงได้รับการสถาปนาจากสวรรค์ เดิมพระนางทรงเป็นสามัญชน ได้แต่งงานกับคนในตระกูล มู่-กง คือ หยาง มู่-กง นางจึงได้เป็น นางอิน หรือ หยิน ต่อมาถูกชายเสือผู้หญิงกระทำข่มขืน จนนางติดโรคร้ายแรงจากชายคนนั้น จนถึงแก่กรรม ลัทธิเต๋าได้ศึกษาชีวิตจริงของนาง ผู้เพียบพร้อมด้วยจริยวัตร เป็นกุลสตรี ฯลฯ ลัทธิเต๋าจึงยกย่องเชิดชูนางให้เป็นเทพธิดา เป็นผู้ดูแลดินแดนสุขาวดีเหนือเทือกเขาคุนลุ้นทางทิศตะวันตก เป็นพระมารดาแห่งสวรรค์ทางทิศตะวันตก ซึ่งทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า พระนางทรงเป็นฮองเฮา หรือทรงเป็นพระมารดา หรือทรงเป็นพระธิดาขององค์หยกอ๋องส่องเต่ ตามตำนานเทพนิยายกล่าวว่า พระราชวังหยกของพระนาง ที่สวรรค์ตะวันตกเหนือเทือกเขาคุนลุ้น มี ๙ ชั้น ใกล้กับทะเลสาปเพชรพลอย พระราชวังของพระนางมีกำแพงล้อมรอบยาวหลายสิบกิโลเมตร สร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ทั้งสิ้น เหล่าบรรดาเทวดาทั้งหลายในชั้นนี้ต่างพำนักอยู่ทางซีกขวา ส่วนเหล่าเทพธิดาพำนักอยู่ทางซีกซ้าย ดังได้กล่าวแล้วว่า พระนางทรงดูแลอุทยานสวนท้อวิเศษ จากเทพนิยายซุนอู้กงหรือเฮ่งเจีย ในช่วงที่ตนอยู่บนสวรรค์ องค์หยกอ๋องส่องเต่ได้ทรงแต่งตั้งให้ซุนอู้กงทำงาน ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระองค์จึงพระราชทานตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ให้ใหม่เป็น เทพนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ พร้อมรับสั่งให้เนรมิตที่พักให้ด้วย พร้อมกับมอบหน้าที่ให้ดูแลตรวจตราสวนท้อวิเศษของพระนาง วันหนึ่งเทพอู้กงจึงไปตรวจสวนท้อวิเศษ พร้อมกับหลิงเป่าเทียนจวินเทพแห่งพื้นดิน พระองค์จึงกล่าวแก่เทพอู้กงว่า ต้นท้อแถวแรกนี้ปลูกมา ๓๐๐๐ ปี จึงออกดอกออกผล หากผู้ใดรับประทานจะทำให้ร่างกายทรงพลัง ส่วนแถวที่สอง ปลูกมาได้ ๖๐๐๐ ปี จึงออกดอกออกผล ถ้าผู้ใดได้เสพก็จะมีอายุยิ่งยืนนาน เทพอู้กงเดินฟังอย่างตั้งใจ ส่วนแถวที่สามปลูกมา ๙๐๐๐ ปีจึงออกดอกออกผล๑ หากใครได้รับประทานก็จะกลายเป็นเทพเจ้า เทพอู้กงได้ฟังก็ยินดียิ่งนัก แล้ววางแผนให้ปลอดจากเทพเจ้าหลิงเป่าเทียนจวิน จึงตรงเข้าไปในสวนท้อ แล้วตรงไปแถวที่สามปีนขึ้นไปเก็บเอาลูกท้อสุกมากินอย่างอร่อยหลายลูก เมื่อฤดูลูกท้อวิเศษสุก พระนางจึงทรงให้พระธิดาทั้งเจ็ดองค์ไปเก็บลูกท้อมาเลี้ยงบรรดาเทวดาทั้งหลาย เมื่อนางเก็บมาลูกหนึ่งเห็นมีตัวหนอนอยู่ จึงรู้ว่าเทพอู้กงแปลงร่างมากินลูกท้อ เมื่อเทพอู้กงตื่นขึ้นแปลงร่างกลับตามเดิม จึงเอะอะว่าพวกนางมาขโมยลูกท้อ แต่พวกนางก็ปฏิเสธ เมื่ออู้กงรู้ว่าจะเก็บเอาไปเลี้ยงเทพที่มีวังอยู่เท่านั้นจึงโกรธ ตรงไปยังวังของพระนาง เห็นเทพคนใช้กำลังจัดสุราอาหารอย่างดี ตนจึงเสกให้พวกนั้นสลบ แล้วเอาสุราวิเศษดึ่มจนเมา แล้วเดินผ่านห้องไท่ซังเล่าจวินที่วังโทวโซ่ว ท่านกำลังสอนศิษย์อยู่ ตนจึงเดินต่อไปเห็นหม้อต้มยามียาวางอยู่จึงเอามารับประทาน แล้วเหาะกลับลงไปยังฮัวกั่วซาน นอกจากนี้พระนาง ยังทรงเกี่ยวข้องกับเทพธิดาฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ดังความตอนหนึ่งว่า
ฉางเอ๋อ 嫦娥; หรือ Chang Er หรือ เหิงอี้ หรือ เหิงเอ๋อ หรือ เหิงโอ๋ หรือ ฉางหงอ เป็นภรรยาของโหวอี้ ทั้งคู่มีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยพระเจ้าเหยาตี้ แห่ง ซานหวงอู่ตี้ โหวอี้เป็นทหารองครักษ์ของพระเจ้าเหยาตี้ โหวอี้มีอาวุธวิเศษอยู่คือ ดอกศรสีขาวและคันธนูสีแดง ตี้จุนเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลตะวันออก ทรงมีพระมเหสีชื่อ พระนางซีเหอ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรส ๑๐ องค์ที่มีลักษณะพิเศษ คือพระวรกายมีแสงร้อนแรงแผ่ออกมาเป็นแสงพระอาทิตย์ ในแต่ละสัปดาห์พระมารดาซีเหอ จะนำพระโอรสทั้งสิบไปสรงน้ำในทะเลสาบที่หุบเขาแสงแห่งตะวันออก เมื่อสรงน้ำเสร็จแต่ละองค์จะประทับบนต้นมอลเบอรรี่วิเศษ ที่เรียกว่า ฝู่สาง ในแต่ละครั้งพระมารดาจะทรงอนุญาต ให้โอรสองค์หนึ่งเสด็จด้วยราชรถเทียมด้วยมังกร ๖ ตัว เพื่อเสด็จเหาะเหินจากฟากฟ้าทิศตะวันออก ข้ามขอบฟ้าลัดไปสู่ทิศตะวันตกที่เทือกเขาเหยินจู่ ในช่วงที่พระโอรสชักราชรถผ่านท้องฟ้า แสงจากพระวรกายของพระองค์ก็จะบันเจิดจ้าสว่างไปทั่วและทำให้เกิดความอบอุ่นขึ้นบนโลก อย่างไรก็ ตามพระราชภารกิจประจำวันแบบนี้ทำให้พระโอรสแต่ละพระองค์ทรงเบื่อหน่ายที่ต้องทำซ้ำซากตามวิสัยเด็ก คืออยากเล่นสนุกกันทั้งสิบพระองค์บนท้องฟ้ามากกว่า แล้ววันหนึ่งพระราชโอรสทั้งสิบพระองค์ ก็ทรงนัดกันที่จะชักพระราชรถเทียมมังกรออกจากทิศตะวันออกพร้อมกันเพื่อมุ่งไปทิศตะวันตก ถ้าหากกระทำดังกล่าวก็จะทำให้แม่น้ำและมหาสมุทรเหือดแห้ง ผู้คนสัตว์ทั้งหลายตายหมด โลกอาจแตกระเบิดเป็นเสี่ยงๆเป็นแน่ เมื่อพระเจ้าเหยาตี้ทรงทราบ ดังนั้นจึงทรงปรึกษากับเทพเจ้าตี้จุนพระบิดาขององค์ชายทั้งสิบ รวมทั้งทวยเทพทั้งหลาย เพื่อขจัดปัดเป่าสถานการณ์ ครั้งแรกเทพเจ้าตี้จุนทรงเรียกพระโอรสทั้งสิบมาห้ามปรามมิให้กระทำ แต่พระโอรสไม่ทรงเชื่อฟังกลับกริ้วพระบิดาอีก เทพเจ้าตี้จุนจึงมอบภาระนี้ให้เทพโหวอี้ จัดการความดื้อรั้นของโอรสทั้งสิบของพระองค์ เทพโหวอี้รับพระบัญชาแล้วลงมาจากสวรรค์ไปคอยอยู่ที่เทือกเขาคุนลุ้น แล้วเทพโหวอี้จึงดึงดอกศรวิเศษสีขาวออกจากซอง ในกล่องสะพายหลังบรรจงใส่นาบบนคันธนูวิเศษสีแดงเพื่อจะข่มขู่พระโอรสมิให้กระทำ แต่การมิได้เป็นไปเช่นนั้น เมื่อพระโอรสทั้งสิบชักรถผ่านมา เทพโหวอี้กลับเล็งไปยังพระโอรส และยิงธนูออกไปถูกพระโอรสเก้าพระองค์สิ้นพระชนม์ จนเหลือองค์ที่สิบ พระเจ้าเหยาตี้จึงทรงขอให้ไว้ชีวิตเพื่อทำให้เกิดแสงสว่างและความอบอุ่นแก่โลกมนุษย์ เทพโหวอี้จึงปฏิบัติตามรับสั่งของพระเจ้าเหยาตี้ จึงเหลือพระอาทิตย์เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ยังส่องแสงสว่างมายังโลก เมื่อเทพตี้จุนทรงทราบว่า โอรสเก้าองค์ถูกของวิเศษเทพโหวอี้สิ้นพระชนม์ ทรงกริ้วมากและเสียพระทัย จึงทรงขับไล่เทพโหวอี้ให้ออกไปจากสวรรค์ลงมาเป็นคนธรรมดาบนโลกมนุษย์ ทำให้เทพโหวอี้ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ไม่มีวันตายกลายเป็นคนธรรมดาไปเช่นนี้ เขาจึงได้รับคำยกย่องสรรเสริญจากมนุษย์มากที่ยอมเสียสละ ถึงเขาจะเป็นคนธรรมดาแต่ในที่สุดก็ชนะใจหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ฉางเอ๋อ และได้แต่งงานกัน วันหนึ่งโหวอี้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่ง ที่บริเวณเทือกเขาคุนลุ้น ณ ที่นั้นเขาได้พบ พระนางชิหวางหมุ๋ พระราชินีแห่งสวรรค์ทิศตะวันตก ด้วยความที่โหวอี้มีความเคารพในพระองค์เป็นอย่างสูง เขาจึงได้สร้างพระตำหนักด้วยหยกและท่อนไม้ ทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยมาก จึงได้พระราชทาน ยาวิเศษ ให้โหวอี้หนึ่งเม็ด เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะกลับเป็นเทพเจ้าหรือเซียนตามเดิม แต่ตัวโหวอี้อยากได้อีกเม็ดหนึ่ง เพื่อให้ภรรยาที่เขารักได้กินเพื่อขึ้นไปสวรรค์อยู่พร้อมกัน พระนางชิหวางหมุ๋จึงรับสั่งให้เขาปฏิบัติตนถือศีลกินเจทำให้ใจบริสุทธิ์เป็นเวลาสิบสองเดือน โหวอี้ก็รับคำแล้วกลับมาบ้านเล่าให้ภรรยาฟังทุกประการ ทั้งสองคนจึงเริ่มปฏิบัติตามคำแนะนำของพระนาง เขาจึงเอายาวิเศษเม็ดที่ได้มาครั้งแรกใส่ห่อด้วยผ้าไหมซ่อนบนเพดานในบ้านของเขา แต่ทว่าเรื่องนี้บังเอิญคนรับใช้ผู้ชายชื่อ เฝิงเหมิง รู้เห็น เขามีจิตคิดคดอยากได้ยาวิเศษเม็ดนั้น วันหนึ่งโหวอี้ออกไปป่าหาอาหาร พร้อมด้วยเฝิงเหมิง เมื่อได้โอกาสเฝิงเหมิง จึงลอบฆ่าเจ้านายของตนแล้วรีบกลับมาบ้านเจ้านาย ข่มขู่คาดคั้นเอายาวิเศษเม็ดนั้นจากฉางเอ๋อ ซึ่งเธอก็ไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้ ฉวยจังหวะเหมาะจึงรีบกลืนยาเม็ดนั้นเข้าไปทันที ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็เปลี่ยนฉับพลันเป็นพลังของผู้วิเศษ ตัวเบาลอยขึ้น เธอจึงรีบกระโจนออกจากทางหน้าต่าง แล้วเหาะขึ้นท้องฟ้า ถึงแม้เฝิงเหมิงจะไล่จับก็ไม่ทัน เธอล่องลอยไปทั่วแล้วเหาะไปสถิตอยู่บนดวงจันทร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะเธอเห็นว่าสถานที่นี้เหมาะที่เธอจะพำนักเพื่อระลึกถึงโหวอี้คนรักของเธอ ด้วยการร้องรำพันต่างๆนานาที่ต้องจากกันด้วยวัยอันไม่สมควร โดยทั่วไปพระรูปของพระนาง เป็นสตรีสาวทรงสวมชุดพระราชวงศ์ บางครั้งทรงประทับบนหลังหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ ลัทธิเต๋าได้กำหนดวันแซยิดของพระนางไว้คือ วันที่ ๓ ค่ำ เดือน ๓ และวันที่ ๑๘ ค่ำ เดือน ๗ บทสวดสรรเสริญพระนางชิหวางหมุ๋ ดังนี้
西華帝君王母寶誥
*********
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
Title : Wang Mu Niang Niang
: 王母娘娘
: Somboon Kantakian
เครดิต : กิตินันท์ วิริยะกิจวัฒนา ภูร์สังฆภัณฑ์(เจ๊หงส์) 076 256273 , 0897818221
Note :
๑ ลูกท้อวิเศษจะเก็บได้อีกใน พ.ศ. ๕๖๒๑ หรือค.ศ. ๕๐๗๘ รออีก สามพันปีเศษเท่านั้น
|
|
|