|
หลุยจินจู้ 雷震子
เหลยเจิ้นจื่อ 雷震子 หรือ หลุยจินจู้ เป็นบุตรคนที่ ๑๐๑ ของจีชัง หรือ เหวินหวางเจ้าเมืองซีกี ซึ่งบางตำนานกล่าวว่าเป็นบุตรคนที่สาม เหลยเจิ้นจื่อถือกำเนิดที่ภูเขานกนางแอ่น บิดาจึงมอบบุตรชายตั้งแต่ยังเล็กให้เป็นศิษย์ของนักพรตอวิ๋นจงจื่อ หรือ หุนตงจู๊ ซึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ในถ้ำ ภูเขาจงหนานซาน ในขณะที่ เหวินหวางกำลังเดินทางไปรับโทษติดคุก ที่เมืองเฉาเกอเป็นเวลาเจ็ดปี ด้วยพระเจ้าซังโจ้วหวางแห่งเมืองเฉาเกอทรงระแวงว่า จีชังจะคิดกบฏ จึงหาเรื่องให้มาติดคุกเสีย ทั้งนี้เพราะมีพวกขุนนางต่างนิยมชมชอบ รวมทั้งเจ้าเมืองหัวเมืองใหญ่น้อยทั้งหลาย ด้วยเห็นว่าเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและมีบารมีมาก เมื่อครบกำหนดเจ็ดปี บุตรชายคนหัวปี คือ จีเปก เดินทางมาเยี่ยมบิดา พร้อมทั้งนำของมีค่ามาถวายพระเจ้าซังโจ้วหวาง แต่ถูกพระนางต๋าจี่ มเหสีองค์ใหม่หาเรื่องจนต้องถูกประหารชีวิต แล้วเอาเนื้อของจีเปกใส่ในขนมเปี๊ยะให้จีชังกิน จีชังรู้ แต่ทำเป็นไม่รู้จึงกินขนมเปี๊ยะจนหมด พระเจ้าซังโจ้วหวางจึงทรงคิดว่า ที่แท้จีชังไม่ได้มีสติปัญญาเหมือนดั่งที่คนเขาเล่าลือกัน จึงพระราชทานอภัยโทษ แล้วโปรดฯให้เป็น อ๋อง เป็น บุนอ๋อง หรือ เหวินหวาง พร้องทั้งให้ไปปกครองเมืองซีกีตามเดิม ฝ่ายบุตรชายคนรอง คือ จีฟา ส้องสุมผู้คนฝึกปรือทหารเตรียมความพร้อม ติดต่อบรรดาหัวเมืองใหญ่น้อยใกล้เคียงผูกมิตรไว้เพื่อกาลข้างหน้า เหวินหวางจึงรีบเดินทางออกจากเมืองเฉาเกอทันที แต่ไปไม่ถึงไหน พระเจ้าซังโจ้วหวางทรงเปลี่ยนพระทัย รับสั่งให้กองทหารรีบตามไปจับฆ่าเสีย เพราะเข้าทำนอง ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยมังกรลงน้ำ ไหนเลยจะปราบได้ภายหลัง เหวินหวางจึงเดินทางมาเพียงถึงด่านแรกคือ ด่านตงกวน หนึ่งในจำนวนห้าด่านก็ผ่านไม่ได้แล้ว เพราะตนไม่มีทหารและเพิ่งออกจากคุก ไม่มีกำลังอาวุธพอที่จะหักด่านออกไปได้เลย ฝ่ายนักพรตอวิ๋นจงจื่อจับยามก็รู้ว่า บิดาของเหลยเจิ้นจื่อกำลังเข้าเหตุคับขัน จึงเรียกเหลยเจิ้นจื่อให้มาพบพร้อมทั้งบอกเรื่องราวของบิดาตน ให้ตนไปหาหินรูปทรงแบนมาสักชิ้นหนึ่ง จะทำอาวุธให้ ฝ่ายเหลยเจิ้นจื่อจึงเข้าป่าเดินไปตามลาดเนินเขาหาแผ่นหินดังกล่าว บังเอิญเหลือบไปเห็นผลไม้สุกเปล่งปลั่งน่ากินจำนวนสองผล ตนจึงปีนขึ้นไปเก็บ กะว่าจะกินสักผลหนึ่ง อีกผลเอาไปฝากอาจารย์ ตนจึงกินผลไม้เข้าไปปรากฏว่ารสชาติอร่อยมาก ความตั้งใจที่จะเอาไปฝากอาจารย์ก็ลืม จึงกินอีกผลหนึ่งจนหมด เมื่อกินผลไม้ทั้งสองผลหมดแล้ว รู้สึกตัวว่า มีปีกกำลังงอกออกมาทางไหล่ทั้งสองข้าง แถมจมูกก็งอกยื่นยาวออกไปกลายเป็นปากนกปีกนก ผิวหน้าที่เคยเปล่งปลั่งสีชมพูกลับกลายเป็นสีดำคล้ำทันที ตรงปากมีเขี้ยวงอกออกมายาว ลำตัวกลับสูงใหญ่ขึ้นทั้งๆที่ตนอายุเพียงเจ็ดขวบ สีผมกลายเป็นสีแดงแบบขนนก เป็นนกครึ่งคนครึ่งก็ตกใจ เพื่อนที่ตามไปด้วยจึงรีบพากลับไปหาอาจารย์ ข้างอาจารย์เห็นรูปร่างหน้าตาดังนั้นก็ดีใจ พาไปสวนดอกไม้ พร้อมกับมอบกระบองทองวิเศษให้อันหนึ่ง แล้วเสกคาถากำกับลงในตัวเขาทั้งซ้ายขวา เป็นคาถารามสูรและลมฝน พร้อมกับให้ทดลองบินดู นักพรตสั่งว่า เมื่อไปช่วยบิดาจนพ้นด่านทั้งห้าแล้วให้รีบกลับมาเรียนวิทยายุทธเพิ่มเติมให้กล้าแกร่ง เหลยเจิ้นจื่อจึงบินไปด่านตงกวนเห็นบิดากำลังขี่ม้าถึงด่านพอดี ตนจึงให้บิดาขึ้นไหล่ขี่ข้ามด่านทั้งห้าส่งถึงทางที่จะไปเมืองซีกี แล้วกลับไปเรียนวิชาวิทยายุทธกับอาจารย์ต่อไป เมื่อเหวินหวางไปถึงเมืองซีกี ได้บุคคลอัจฉริยะมาช่วยงาน คือ เจียงจื่อหยา ให้เป็นอัครมหาเสนาบดีบริหารทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน เจียงจื่อหยาได้พัฒนาด้านเศรษฐกิจ การเมืองการทหารของเมืองซีกี ขยายอาณาเขตออกไปกว้างขวาง แต่เหวินหวางอยู่เพียงหกปีก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน บุตรชายคือจีฟาจึงปกครองแทน พร้อมทั้งตั้งตนเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าโจวอู่หวาง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์โจวตะวันตก ฝ่ายเมืองเฉาเกอกำลังวุ่นวายทั้งภายในภายนอก ด้วยพระเจ้าซังโจ้วหวางหลังจากที่มีมเหสีใหม่ ไม่ทรงตั้งอยู่ในความยุติธรรม ไม่ทรงบริหารบ้านเมือง ทรมานนักโทษด้วยวิธีการเหี้ยมโหด แม้แต่ขุนนางที่กราบทูลทัดทานก็ให้ควักหัวใจออกมาดู บรรดาหัวเมืองต่างพากันแข็งเมือง จึงทรงตั้งให้เหวินจ้งหรือบุนไท่สือเป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปปราบ เป็นเวลาหลายปีก็ไม่สงบ พระองค์จึงแต่งตั้งแม่ทัพยกไปปราบเมืองซีกี ได้สู้รบกันหลายปีก็ไม่สามารถเผด็จศึกได้ กลับทำให้เพิ่มขุนพลนายทหารที่เก่งกล้าเข้าร่วมด้วยจำนวนมาก เหวินจ้งจึงกลับเมืองหลวงแล้วยกไปตีเมืองซีกี ข้างนักพรตอวิ๋นจงจื่อจึงให้เหลยเจิ้นจื่อเดินทางไปเมืองซีกี เพื่อช่วยพี่ชายคือ พระเจ้าโจวอู่หวางทำศึกกับเมืองเฉาเกอ กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างรุกรบแพ้ชนะสลับกันไป ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพวกขุนพลนายทหารและพลเรือนจำนวน ๓๖๕ คนที่มีชื่อประกาศอยู่ในเฟิงเสินเอี่ยนอี้ หรือ เฟิงเสินปัง ตามที่เทพเจ้าจารึกไว้ ฝ่ายเหลยเจิ้นจื่อเข้ารบหลายครั้ง เช่น รบกับจางกงหมิง รบกับเตียวเทียนกวน ถูกทรายวิเศษจนสลบอยู่ในค่ายกลจนน่ำเก๊กเซียงอ๋องมาช่วย อวิ๋นจงจื่ออาจารย์ของเหลยเจิ้นจื่อมาช่วยวางแผนจับเหวินจ้ง เหลยเจิ้นจื่อเข้ารบกับเหวินจ้ง เอากระบองทองตีถูกกิเลน พาหนะของเหวินจ้งขาดสองท่อน เหวินจ้งถูกรุมรบและตายในที่รบ กองทัพเมืองซีกียกเข้าล้อมเมืองเฉาเกอ พระเจ้าซังโจ้วหวางทรงยกทัพออกมาต้านแต่แพ้ จึงหนีเข้าเมือง เสด็จเข้าตำหนักรับสั่งให้นางกำนัลเผาตำหนักจนสิ้นพระชนม์ในกองไฟ เมื่อเสร็จศึก พระเจ้าโจวอู่หวางทรงบำเหน็จให้ขุนนางทั้งปวง ส่วนดวงวิญญาณที่ปรากฏอยู่ในเฟิงเสินปัง รับสั่งให้เจียงไท่กงประกอบพิธีเรียกดวงวิญญาณเหล่านั้นมารับรางวัลและรับโทษ ผู้ใดอยู่ฝ่ายพระเจ้าซังโจ้วหวาง ถือว่ามีความกตัญญูต่อเจ้านาย ผู้ใดอยู่ฝ่ายพระเจ้าโจวอู่หวาง ถือว่ามีความกตัญญูซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ส่วนเหลยเจิ้นจื่อ หลี่จิ้ง หลี่กิมเชีย หลี่บกเชีย หลี่โลเชีย เอียวเจี้ยน และอุยฮอ ไม่รับบำเหน็จใดๆทั้งสิ้น ถือว่ามาทำการรบตามคำสั่งของอาจารย์ เมื่อเสร็จศึกจึงขอทูลลาไปยังสำนักตามภูเขาที่พักของตน เพื่อบำเพ็ญเพียร จนคนทั้งเจ็ดสำเร็จเป็นเซียน ตามที่มุ่งหวังไว้
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๑
Title : Lei Zhen Zi
: Somboon Kantakian Credits : Somboon Kantakian
|
|
|