|
เฉียนหลี่เหยิน 千里眼
เฉียนหลี่เหยิน หรือ เกาหมิง เทพเจ้าผู้ทรงมีดวงตาทิพย์ที่สามารถมองได้ไกลถึงหนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบเส้น ส่วนน้องชื่อ ซุนเฝิงเอ้อผู้มีหูทิพย์ได้ยินไกลเช่นเดียวกัน เฉียนหลี่เหยินและซุนเฝิงเอ้อ千里眼與順風耳 สองพี่น้องสกุลแซ่เกามีส่วนในการสงครามระหว่างราชวงศ์ซังกับราชวงศ์โจวพระเจ้าตี้ซินหรือพระเจ้าโจ้วหวางทรงเป็นกษัตริย์ ราชวงศ์ซังองค์สุดท้าย เสด็จขึ้นครองราชย์ ระยะแรกทรงปกครองโดยธรรม ต่อมาทรงลุ่มหลง สุรา นารี ไม่ทรงนำพาต่อการบริหารบ้านเมือง ทรงมีมเหสีใหม่ คือ พระนางต๋าจี่ บ้านเมืองเกิดโจรภัยระส่ำระสาย หัวเมืองเอกต่างแข็งเมืองต้องส่งทหารไปปราบปรามเป็นแรมปี ทรงมีพระนิสัยโหดร้ายต่างๆ เช่น ให้นักโทษเดินบนเหล็กเผาไฟ ขุดบ่อปล่อยงูพิษผลักคนโทษลงไป มัดคนโทษกับเสาทองแดงสุมไฟข้างล่าง คนโทษเหล่านั้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ไม่ทรงพอพระทัย เมื่อกราบบังคมทูลตักเตือนเรื่องราชกิจ แม้แต่พระเจ้าอา คือ ปิกันกง ก็ยังทรงให้ทหารแหวะอกเอาหัวใจออกมาดู ขุนนางผู้ใหญ่ ชื่อ จีเหวินถูกขังคุก บุตรชาย ชื่อ จีฟา ต้องวิ่งเต้นจนบิดาพ้นคุก จีฟาจึงรวบรวมไพร่พลหัวเมืองเปิดศึกสงครามกับพระเจ้าตี้ซิน แห่งเมืองเฉาเกอ เมื่อจีฟายกทัพมาล้อมเมืองเฉาเกอ ทหารส่วนใหญ่ถูกส่งไปปราบปรามหัวเมืองยังไม่ทันกลับ จึงต้องเกณฑ์แรงงานทาสไพร่ คนใช้ มาเป็นทหารตลอดจนผู้อาสาสมัคร สองคนพี่น้องสกุลแซ่เกา คือ เกาหมิง กับเกาชุคหรือ เกาเจ่ว ได้พากันไปสมัครทหารกับเขาด้วย คนทั้งสองรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด คือ เกาหมิง ใบหน้าสีเขียว ดวงตาลุกโชนดั่งไฟ มีเขี้ยวงอกออกมาทั้งสองข้างน่ากลัว รูปร่างโตใหญ่ ส่วนเกาชุค ใบหน้าสีแดง ดวงตาโตกลมใหญ่ปานไข่เป็ด มีเขี้ยวแหลมคมคล้ายกระบี่ ศีรษะมีปุ่มคล้ายเขาทั้งสองข้าง ทั้งสองคนร่างกายผิดแผกจากบุคคลธรรมดาทั่วไป ใครเห็นก็กลัว รวมทั้งขุนนางที่มารับสมัครบุคคลทั้งสองด้วย คือ ปวยเหลียม ทั้งสองคนพี่น้องต่างแจ้งแก่ผู้รับสมัครทหารว่า พวกตนเป็นไพร่ทาสอยู่ในเมืองเฉาเกอ เมื่อเจียงไท่กงยกทัพมารุกรานเมืองเฉาเกอ พวกตนจึงขออาสาสู้รบกับข้าศึก ปอยเหลียมเห็นว่าน่าจะเป็นคนที่สามารถสู้รบกับข้าศึกได้ จึงนำเข้าเฝ้าพระเจ้าตี้ซิน พระองค์ทอดพระเนตรเห็นบุคลิกผิดมนุษย์คงจะเป็นทหารที่เก่งกล้าเป็นแน่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คนทั้งสองดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารใหญ่ คือ จินจู้เซียงเจี๋ยง แล้วโปรดฯให้ออกไปช่วยนายพลอวนหอง แม่ทัพใหญ่ที่ด่านอึงฮ่อเบงจิ้น ฝ่ายอวนหองเห็นคนทั้งสองก็จำได้ว่า เป็นปีศาจอยู่บนต้นไม้ที่ภูเขากี่ปั๋ว และคนทั้งสองก็รู้โดยญาณว่า อวนหองเป็นปีศาจชะนีแปลงมาเช่นกันเพราะเดิมเคยอาศัยอยู่ที่ภูเขาหมิงซาน นายพลอวนหองจึงให้เกาหมิงเกาชุคออกไปรบกับหลี่โลเชีย ฝ่ายหลี่โลเชียแปลงตนเป็นสามเศียรหกกร เอากำไลวิเศษโยนไปถูกเกาหมิงเกาชุคกระเด็นไป แล้วแผลงฤทธิ์เป็นมังกรเก้าตัวพ่นไฟพิษถูกคนทั้งสองจนหายไป หลี่โลเชียคิดว่าพวกเขาตายจึงแจ้งแก่เจียงไท่กง แต่พอวันรุ่งขึ้นเจอคนทั้งสองพี่น้องที่สนามรบอีก เจียงไท่กงจึงให้หลี่จิ้งบิดาหลี่โลเชีย กับเอียวหยิมออกรบ เอียวหยิมเอาพัดโบกไปเป็นไฟเผาเกาหมิง ส่วนหลี่จิ้งเอาถะทองเจดีย์องค์เล็กตีเกาชุค สองพี่น้องแผลงฤทธิ์เป็นควันแล้วหายไป ฝ่ายเจียงไท่กงเห็นว่าการสู้รบกับพวกปีศาจแปลงถึงเจ็ดตนเช่นนี้ยากที่จะชนะได้ จึงแก้กลโดยให้เอาไม้โถปิดยันต์ไว้ เอาเลือดสุนัขดำและเลือดไก่ดำทาไม้ดังกล่าวไว้ พร้อมทั้งให้พลทหารเตรียมอุจจาระไว้ เมื่อเกาหมิงเกาชุคเข้าไปถึงบริเวณที่ปิดยันต์ พวกพลทหารต่างก็เอาเลือดสุนัขเลือดไก่ดำและอุจจาระสาดใส่สองพี่น้องจนทนไม่ไหวอาเจียนแล้วหายไป เจียงไท่กงเป็นห่วงการปราบปรามเกาหมิงเกาชุคไม่สำเร็จ จึงปรึกษานายทหาร นายทหารชื่อ เอียวเจี้ยน อาสาที่จะปราบสองพี่น้องแต่ไม่อยากพูดออกมาเพราะเกาชุคผู้มีหูทิพย์จะได้ยิน ตนจึงไปหาอาจารย์ที่ถ้ำจิ้นเฮียตง ภูเขาหยกฮัว อาจารย์จึงบอกว่า เกาหมิงเดิมเป็นปีศาจสิงอยู่ที่ต้นลำพูบนภูเขากี่ปั๋วเป็นเวลานาน ได้รับแสงอาทิตย์แสงจันทร์จนมีฤทธิ์แปลงเป็นคนได้ มีความสามารถที่จะมองเห็นไกลถึงพันสี่ร้อยห้าสิบเส้น หรือสองหมื่นเก้าพันวาหรือผู้มีตาทิพย์ ส่วนเกาชุคนั้นเป็นปีศาจสิงอยู่ที่ศาลเจ้าเก่า มีคนบูชานับถือกราบไหว้มานานหลายร้อยปีจนมีฤทธิ์แปลงเป็นคนได้ มีหูทิพย์ที่ได้ยินได้ไกลถึงพันสี่ร้อยห้าสิบเส้น หากจะฆ่าปีศาจทั้งสองก็ให้ไปขุดฟันต้นลำพูและรื้อศาลเจ้าเก่าเผาไฟให้หมด คนทั้งสองก็จะหมดฤทธิ์ไปเอง เจียงไท่กงจึงให้ทหารไปจัดการขุดทำลายต้นลำพูและรื้อศาลเจ้าเก่าเผาหมดสิ้น หากเสร็จศึกแล้วจะปลูกต้นลำพูและสร้างศาลเจ้าให้ใหม่ เมื่อออกรบสองพี่น้องถูกอาวุธกระบองเหลี่ยมวิเศษของเจียงไท่กง จนหมดฤทธิ์หนีไปบำเพ็ญเพียรบนยอดภูเขาสูง ล่วงมากว่า ๙๐๐ ปี วันหนึ่งสองพี่น้องเหาะมาพบหลินโม่เหนียง ให้มีจิตรักใคร่ จึงเข้าไปทักทายในทางญาณ ฝ่ายหลินโม่เหนียงก็ไม่ได้รังเกียจแต่ประการใด แต่มีข้อแม้ว่า สองตนนั้นจะต้องตอบคำถามของนางให้ถูกทุกข้อก่อน นางก็จะยินยอม แต่ถ้าตอบไม่ถูก สองตนจะต้องมารับใช้นางตลอดไป สองตนเห็นว่าไม่ยากอะไร จึงรับคำท้าและให้สัญญาทุกประการ ผลปรากฏว่า สองตนแพ้ จึงต้องมาเป็นทหารเอกองครักษ์ของนาง และสามารถช่วยเหลือนางได้มากขึ้น เพราะคุณสมบัติพิเศษของทั้งสองตน คือ ซุนเฝิงเอ้อผู้มีหูทิพย์ ได้ยินไกลแม้ลมพัดเอื่อย แต่เฉียนหลี่เหยินผู้มีตาทิพย์ตาทิพย์ที่สามารถเห็นได้ไกลมาก ทั้งสองจึงได้รับการยกฐานะเป็นเทพเจ้าผู้เฝ้าพิทักษ์หรือองครักษ์เจ้าแม่มาจู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงเห็นภาพวาดหรือภาพแกะสลักของทั้งสององค์อยู่ด้านหน้าเจ้าแม่มาจู่เสมอ
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๑
ภาพประกอบ จากกูเกิ้ล ***
****
|
|
|