Bookmark and Share Add to Favorites  
สมาชิกเข้าสู่ระบบ
User Name:
Password:
จำการล็อกอินของฉันไว้
ลืมรหัสผ่าน | สมัครสมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
ใสอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้กับเรา
จีนศึกษา
  CHINESE TEXT PROJECT
  STANDARD CHINESE
  เส้นสายลายอักษร
  ลัทธิเต๋า
  รวมเรื่องจีนศึกษา-China Knowledge
  วัฒนธรรมศึกษาจากเว็บต่างๆ
  วัฒนธรรมศึกษาจากภาพ
  พระบรมฉายาลักษณ์ของฮ่องเต้
  มังกรจีนสมัยโบราณ
  มังกรจีนศึกษา
  เลือกเพศให้ลูก
  จีนโบราณจาก บริทิชมิวเซียม
  การเดินทางไกลของเหมาเจ๋อตุง
  จีนในปัจจุบัน
แซ่สกุล
  แซ่ตระกูลที่ใช้กันมาก
  ข้อมูลตระกูลแซ่ต่างๆ
  ประวัติบางแซ่สกุล
  200 แซ่สกุลที่ใช้มาก
  ตระกูลแซ่หลิน
มหาวิทยาลัยชั้นนำ
  BEIJING UNIVERCITY
  Shanghai Jiao Tong University
  Tsinghua University
  Xi'an Jiaotong University
  The Chinese University of Hong Kong
  The University of Hong Kong
  The Hong Kong University of Science and Technology
  Southeast University
  East China Normal University
  Tongji University
  Huazhong University of Science and Technology
  The Hong Kong Polytechnic University
  Tianjin University
  City University of Hong Kong
  Harbin Institute of Technology
  Wuhan University
  China Agricultural University
  Renmin University of China
  Xiamen University
  Fudan University
  Hong Kong Baptist University
  Shandong University
  Nanjing University
  University of Science and Technology of China
  Zhe Jiang University
พิพิธภัณฑ์และหอสมุด
  NATIONAL LIBRARY OF CHINA
  CHINA'S MUSEUMS
  GREAT WALL OF CHINA
  SACRED MOUNTAINS OF CHINA
หนังสือพิมพ์
  ซินหัวไทย
  People's Daily
  Xinhua
  China Daily
  China News
  China .com.cn
  China Youth Daily
เจ - มังสวิรัติ - VEGETARIAN
  เจ-อิ่มบุญ
  พลังบุญ
  เมนูอาหารเจ
  เจทิพย์
  อาหารมังสวิรัติ
  International Vegetarian Union (IVU)
  The Veggie Hub
  Vegetarianism
  A Guide to Vetetarian
  simple-veganista.com/all-recipes
เว็บเครือสมบูรณ์
  สมบูรณ์แก่นโน้ต
  ตระกูลแซ่หลิน
  ภูเก็ตสารสนเทศ
  สมบูรณ์แก่นโน้ต

ซุนเฝิงเอ้อ 順風耳

 

 

 

   

        ชุนเฝิงเอ้อ เป็นเทพเจ้าที่มีหูทิพย์ สามารถได้ยินได้ไกลกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยเส้น กับพี่ชายชื่อ เกาหมิง สองพี่น้องเฉียนหลี่เหยินและซุนเฝิงเอ้อ 千里眼與順風耳 สกุลแซ่เกาที่มีส่วนร่วมรบในการสงครามเฟิงเสินเอี่ยนอี้หรือเฟิงเสินปัง

          สมัยราชวงศ์ซังเมื่อพระเจ้าตี้ซินหรือโจ้วหวาง เสด็จขึ้นครองราชย์ ระยะแรกทรงปกครองโดยธรรม  ต่อมาทรงลุ่มหลง สุรา นารี  ไม่ทรงนำพาต่อการบริหารบ้านเมือง ทรงมีมเหสีใหม่ คือ พระนางต๋าจี่  บ้านเมืองเกิดโจรภัยระส่ำระสาย หัวเมืองเอกต่างแข็งเมืองต้องส่งทหารไปปราบปรามเป็นแรมปี  ทรงมีพระนิสัยโหดร้ายต่างๆ เช่น  ให้นักโทษเดินบนเหล็กเผาไฟ  ขุดบ่อปล่อยงูพิษผลักคนโทษลงไป มัดคนโทษกับเสาทองแดงสุมไฟข้างล่าง  คนโทษเหล่านั้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ไม่ทรงพอพระทัย  เมื่อกราบบังคมทูลตักเตือนเรื่องราชกิจ  แม้แต่พระเจ้าอา คือ ปิกันกง ก็ยังทรงให้ทหารแหวะอกเอาหัวใจออกมาดู  ขุนนางผู้ใหญ่ ชื่อ จีเหวินถูกขังคุก  บุตรชาย  ชื่อ  จีฟา ต้องวิ่งเต้นจนบิดาพ้นคุก  จีฟาจึงรวบรวมไพร่พลหัวเมืองเปิดศึกสงครามกับพระเจ้าตี้ซิน แห่งเมืองเฉาเกอ  เมื่อจีฟายกทัพมาล้อมเมืองเฉาเกอ  ทหารส่วนใหญ่ถูกส่งไปปราบปรามหัวเมืองยังไม่ทันกลับ  จึงต้องเกณฑ์แรงงานทาสไพร่ คนใช้  มาเป็นทหารตลอดจนผู้อาสาสมัคร

               สองคนพี่น้องสกุลเกา  คือ เกาหมิง  กับเกาชุคหรือเกาเจ่ว  ได้พากันไปสมัครทหารกับเขาด้วย  คนทั้งสองรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด  คือ  เกาหมิง  ใบหน้าสีเขียว  ดวงตาลุกโชนดั่งไฟ  มีเขี้ยวงอกออกมาทั้งสองข้างน่ากลัว  รูปร่างโตใหญ่  ส่วนเกาชุค  ใบหน้าสีแดง  ดวงตาโตกลมใหญ่ปานไข่เป็ด  มีเขี้ยวแหลมคมคล้ายกระบี่  ศีรษะมีปุ่มคล้ายเขาทั้งสองข้าง  ทั้งสองคนร่างกายผิดแผกจากบุคคลธรรมดาทั่วไป  ใครเห็นก็กลัว  รวมทั้งขุนนางที่มารับสมัครบุคคลทั้งสองด้วย คือ ปวยเหลียม  ทั้งสองคนพี่น้องต่างแจ้งแก่ผู้รับสมัครทหารว่า  พวกตนเป็นไพร่ทาสอยู่ในเมืองเฉาเกอ  เมื่อเจียงไท่กงยกทัพมารุกรานเมืองเฉาเกอ  พวกตนจึงขออาสาสู้รบกับข้าศึก  ปอยเหลียมเห็นว่าน่าจะเป็นคนที่สามารถสู้รบกับข้าศึกได้  จึงนำเข้าเฝ้าพระเจ้าตี้ซิน  พระองค์ทอดพระเนตรเห็นบุคลิกผิดมนุษย์คงจะเป็นทหารที่เก่งกล้าเป็นแน่  จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้คนทั้งสองดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารใหญ่ คือ จินจู้เซียงเจี๋ยง  แล้วโปรดฯออกไปช่วยนายพลอวนหอง แม่ทัพใหญ่ที่ด่านอึงฮ่อเบงจิ้น  ฝ่ายอวนหองเห็นคนทั้งสองก็จำได้ว่า  เป็นปีศาจอยู่บนต้นไม้ที่ภูเขาพี่ปั๋ว  และคนทั้งสองก็รู้โดยญาณว่า  อวนหองเป็นปีศาจชะนีแปลงมาเช่นกันเดิมเคยอาศัยอยู่ที่ภูเขาหมิงซาน

         นายพลอวนหองจึงให้เกาหมิงเกาชุค ออกไปรบกับหลี่โลเชีย  ฝ่ายหลี่โลเชียแปลงตนเป็นสามเศียรหกกร          เอากำไลวิเศษโยนไปถูกเกาหมิงเกาชุคกระเด็นไป  แล้วแผลงฤทธิ์เป็นมังกรเก้าตัวพ่นไฟพิษถูกคนทั้งสองจนหายไป  หลี่โลเชียคิดว่าพวกเขาตายจึงแจ้งแก่เจียงไท่กง  แต่พอวันรุ่งขึ้นเจอคนทั้งสองพี่น้องที่สนามรบอีก  เจียงไท่กงจึงให้หลี่จิ้งบิดาหลี่โลเชีย กับเอียวหยิมออกรบ  เอียวหยิมเอาพัดโบกไปเป็นไฟเผาเกาหมิง  ส่วนหลี่จิ้งเอาถะทองเจดีย์องค์เล็กตีเกาชุค  สองพี่น้องแผลงฤทธิ์เป็นควันแล้วหายไป  ฝ่ายเจียงไท่กงเห็นว่าการสู้รบกับพวกปีศาจแปลงถึงเจ็ดตนเช่นนี้ยากที่จะชนะได้  จึงแก้กลโดยให้เอาไม้โถปิดยันต์ไว้  เอาเลือดสุนัขดำและเลือดไก่ดำทาไม้ดังกล่าวไว้  พร้อมทั้งให้พลทหารเตรียมอุจจาระไว้  เมื่อเกาหมิงเกาชุคเข้าไปถึงบริเวณที่ปิดยันต์  พวกพลทหารต่างก็เอาเลือดสุนัขเลือดไก่ดำและอุจจาระสาดใส่สองพี่น้องจนทนไม่ไหวอาเจียนแล้วหายไป  เจียงไท่กงเป็นห่วงการปราบปรามเกาหมิงเกาชุคไม่สำเร็จ  จึงปรึกษานายทหาร  นายทหารชื่อเอียวเจี้ยนอาสาที่จะปราบสองพี่น้องแต่ไม่อยากพูดออกมาเพราะเกาชุคผู้มีหูทิพย์จะได้ยิน  ตนจึงไปหาอาจารย์ที่ถ้ำจิ้นเฮียตง ภูเขาหยกฮัว  อาจารย์จึงบอกว่า  เกาหมิงเดิมเป็นปีศาจสิงอยู่ที่ต้นลำพูบนภูเขากี่ปั๋วเป็นเวลานานจนมีฤทธิ์แปลงเป็นคนได้  มีความสามารถที่จะมองเห็นได้ไกลถึงพันสี่ร้อยห้าสิบเส้นหรือสองหมื่นเก้าพันวาคือตาทิพย์  ส่วนเกาชุคนั้นเป็นปีศาจสิงอยู่ที่ศาลเจ้าเก่า มีคนบูชานับถือกราบไหว้มานานหลายร้อยปีจนมีฤทธิ์แปลงเป็นคนได้ มีหูทิพย์ที่จะยินได้ไกลถึงพันสี่ร้อยห้าสิบเส้น  หากจะฆ่าปีศาจทั้งสองก็ให้ไปขุดฟันต้นลำพูและรื้อศาลเจ้าเก่าเผาไฟให้หมด  คนทั้งสองก็จะหมดฤทธิ์ไปเอง  เจียงไท่กงจึงให้ทหารไปจัดการขุดทำลายต้นลำพูและรื้อศาลเจ้าเก่าเผาหมดสิ้น หากเสร็จศึกแล้วจะปลูกต้นลำพูและสร้างศาลเจ้าให้ใหม่  เมื่อออกรบสองพี่น้องถูกอาวุธกระบองเหลี่ยมวิเศษของเจียงไท่กง  จนหมดฤทธิ์หนีไปบำเพ็ญเพียรบนยอดภูเขาสูง  ล่วงมากว่า ๙๐๐ ปี

          วันหนึ่งสองพี่น้องเหาะมาพบหลินโม่เหนียง  ให้มีจิตรักใคร่ จึงเข้าไปทักทายในทางญาณ  ฝ่ายหลินโม่เหนียงก็ไม่ได้รังเกียจแต่ประการใด แต่มีข้อแม้ว่า  สองตนนั้นจะต้องตอบคำถามของนางให้ถูกทุกข้อก่อน นางก็จะยินยอม  แต่ถ้าตอบไม่ถูก  สองตนจะต้องมารับใช้นางตลอดไป  สองตนเห็นว่าไม่ยากอะไร  จึงรับคำท้าและให้สัญญาทุกประการ  ผลปรากฏว่า สองตนแพ้ จึงต้องมาเป็นทหารเอกองครักษ์ของนาง และสามารถช่วยเหลือนางได้มากขึ้น เพราะคุณสมบัติพิเศษของทั้งสองตน คือ คนหนึ่งหูทิพย์คือซุนเฝิงเอ้อ ได้ยินไกลแม้ลมพัดเอื่อย แต่อีกคนเห็นได้ไกลมาก  คือเฉียนหลี่เหยินผู้มีตาทิพย์  ทั้งสองจึงได้รับการยกฐานะเป็นเทพเจ้า ผู้เฝ้าพิทักษ์หรือองครักษ์เจ้าแม่มาจู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  จึงเห็นภาพวาดหรือภาพแกะสลักของทั้งสององค์อยู่ด้านหน้าเจ้าแม่มาจู่เสมอ

 

 :   สมบูรณ์ แก่นตะเคียน   ๒๒  มีนาคม  ๒๕๕๑

 

  ภาพประกอบ

จากกูเกิ้ล

***

 

 

 

 

                             

 

  

บทความอื่นๆ ในหมวดเดียวกัน