|
ชวีเอวี๋ยน 屈原
ชวีเอวี๋ยน 屈原 , 屈原 หรือชวีปิง หรือเจิ้งเจ๋อ หรือหลิงจวิน หรือจูหยวน หรือจูหงวน หรือคุกง้วน หรือคุกง้วง ผู้ทำให้เกิดเทศกาลวันสารทขนมจ่าง ที่ได้จัดต่อเนื่องกันมา ๒๒๘๕ ปีแล้ว ชวีเอวี๋ยน เดิมชื่อ ปิง 平 แซ่ฉวี 屈 หรือแซ่ชู หรือแซ่ฌ้อ ถือกำเนิดเมื่อก่อนค.ศ. ๓๔๐ ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าโจวเสี่ยนหวาง ( จีเปี่ยน ) ขึ้นครองราชสมบัติเป็นปีที่ ๒๘ แห่งราชวงศ์โจวตะวันออก แต่เขาถือกำเนิดที่เมืองจื่อกุ้ย ริมฝั่งแม่น้ำแยงซีเมืองอี้ฉาง ทางทิศตะวันตกของมณฑลหูเป่ย ปัจจุบันอยู่ในมณฑลหูหนาน ซึ่งขณะนั้นเป็นแคว้นฉู่ ครอบครัวเป็นชนชั้นสูงที่ปกครองรัฐฉู่มาตลอด เขาเป็นเด็กอัจฉริยะคนหนึ่งที่มีความจำเป็นเลิศ และได้รับการศึกษาทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น ซึ่งเป็นการเตรียมตัวเป็นขุนนางระดับสูงตามครอบครัว แต่ที่เขาสนใจมากเป็นพิเศษคือระบบการปกครอง นอกจากนี้เขายังมีจิตวิญญาณแห่งจินตนาการในการแต่งกาพย์โคลง และมีความรักชาติมากคนหนึ่ง เขาถือกำเนิดในช่วงสงครามระหว่างรัฐ หรือจ้านกว๋า ซึ่งแต่เดิมมีเมืองเล็กเมืองใหญ่กว่า ๒๐๐ เมือง เมื่อกษัตริย์ราชวงศ์โจว ทรงอ่อนแอในการปกครอง บรรดาเมืองใหญ่ต่างตั้งตัวเป็นใหญ่เข้าเข้ารุกเมืองเล็กเอามารวมในแคว้นของตน เมืองเล็กจึงหายไป ในที่สุดก็เหลือรัฐใหญ่ห้ารัฐ คือ รัฐฉี รัฐฉู่ รัฐจิ้น รัฐฉินและรัฐเอี้ยน รัฐจิ้นต่างแยกออกไปตามแซ่ใหญ่สามแซ่ คือแซ่หาน แซ่จ้าวและแซ่เว่ย ต่างสร้างอาณาจักรตามแซ่ จนถึงปลายสมัยจ้านกว๋า จึงมี ๗ รัฐ ที่มีรัฐฉินและรัฐฉู่เป็นรัฐใหญ่ รัฐฉู่อยู่ทางใต้บริเวณมณฑลอานฮุย เจ้อเจียง เหอหนาน หูหนาน หูเป่ย เป็นเมืองกว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ เมืองหลวงมีกำแพงป้อมปราการแข็งแรง มีนายทหารที่กล้าแข็ง ยากที่รัฐอื่นๆจะเข้าตีได้ เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม ชวีเอวี๋ยนจึงเข้ารับราชการเป็นขุนนางที่เมืองอิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐฉู่ ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าโฮ่วหวาง หรือฌ้ออ๋อง หรือฉู่หวาง จนสามารถไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ซึ่งเขามีอำนาจที่จะตัดสินใจในการปกครองบ้านเมืองได้ ทั้งกิจการภายในและภายนอกรัฐหรือกิจการต่างประเทศ เขาพยายามคัดเลือกคนดีซื่อสัตย์มีคุณภาพเข้ารับราชการฝ่ายต่างๆ เขาพยายามปรับปรุงกฎหมายของรัฐฉู่ให้ทันสมัย พยายามขยายอาณาเขตออกไป เขาได้เดินทางไปทำสัญญาสันติภาพกับรัฐฉีที่ซานตง เพื่อต่อต้านการรุกรานของรัฐฉิน แต่เขาถูกจื่อหลานกับพวกขุนนางกังฉินใส่ร้ายป้ายสี กราบทูลพระเจ้าโฮ่วหวางจนทรงเชื่อ แล้วปลดเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งทำให้พวกขุนนางกังฉินดีใจที่ไม่มีก้างขวางคอ พวกตนจึงทำการฉ้อราษฎร์บังหลวงขนานใหญ่ ในขณะที่รัฐฉินกำลังวางแผนที่จะเข้ายึดรัฐฉู่อยู่ ชวีเอวี๋ยนจึงใช้เวลาที่เหลือเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วรัฐฉู่ ที่เต็มไปด้วยป่าไม้ขุนเขา ทะเลสาบ แม่น้ำมากมาย เขาได้พบปะผู้คน ได้เห็นขนบจารีตตามถิ่นต่างๆ จึงได้แสดงออกทางคำประพันธ์ผนวกกับความผิดหวังในตัวพระเจ้าโฮ่วหวาง บทพระพันธ์ของเขาจึงได้พรรณนาถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนั้น ตลอดจนสิ่งที่ได้พบเห็น เป็นคำประพันธ์ที่เรียกว่า บทกำสรวลแห่งรัฐฉู่ หรือ หลี่เส้า กราบทูลถามเทพแห่งสวรรค์หรือเทียนเหวิน กอบทรายหรือโฮ่วซา จาวหุน อวีอิ่ง จิ่วเก๋อ เป็นต้น และจากการเดินทางไปทั่วแดนรัฐฉู่ของเขา บรรดาคนหนุ่มใฝ่รู้ในการเขียนบทกวีต่างได้รับคำแนะนำจากเขาเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน การเมืองภายในรัฐฉู่ ต่างแก่งแย่งฆ่าฟันกันเพื่อชิงกันเป็นใหญ่ในพวกขุนนางด้วยกัน ประมาณก่อนค.ศ. ๒๗๖ กองทัพของพระเจ้าจ้าวเซียงหวางแห่งรัฐฉิน ยกมาจ่อเมืองอิงด้วยทหารหกแสนคนรอโอกาสที่จะเผด็จศึกรัฐฉู่อยู่ถึงปีเศษ ข้างรัฐฉู่มีพระเจ้าฮูซูหวางครองราชย์ได้สามปี ด้วยการจับฉู่หวางองค์เก่าสำเร็จโทษเสีย จึงให้แม่ทัพไปขัดตาทัพด้วยพลทหารสองแสนนาย ฝ่ายชวีเอวี๋ยนเห็นดังนั้นไม่ทราบที่จะทำประการใด ในเมื่อหัวใจรักชาติบ้านเมือง แต่ไม่มีใครรับฟังความคิดของเขา วันหนึ่งในเดือน ๕ วันที่ ๕ ค่ำ ก่อนค.ศ. ๒๗๘ ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าโจวหน่านหวาง ( จีเอวี๋ยน )ครองราชสมบัติเป็นปีที่ ๓๖ เขาจึงเดินไปที่แม่น้ำมี่หลัว เอาก้อนหินผูกเชือกแล้วมัดเข้าที่เอวถ่วงน้ำหนัก กระโจนลงไปฆ่าตัวตาย ข้างชาวบ้านเมื่อทราบข่าวจึงช่วยกันเอาเรือยาวลงไปงมหาศพเขาตลอดแม่น้ำ ไม่พบต่างเศร้าโศก เกรงกันว่าพวกปลาและสัตว์น้ำทั้งหลายจะแทะเอาเนื้อของเขา จึงเอาไม้พายตีพื้นน้ำพร้อมทั้งร้องเสียงดังเพื่อไล่สัตว์น้ำเหล่านั้น พร้อมกับเอาขนมจ่าง และอาหารโยนลงไปให้พวกปลากินด้วย เพื่อจะได้ไม่ไปกินเนื้อชวีเอวี๋ยน บางตำนานกล่าวว่า คืนหนึ่งเขาได้เข้าฝันเพื่อนของเขา บอกว่าให้ทำขนมจ่างด้วยการห่อด้วยผ้าไหมมัดด้วยด้ายป่าน แล้วให้โยนลงไปในแม่น้ำมี่หลัวเพื่อบูชาพญามังกร เพราะเขาถึงแก่กรรมด้วยพญามังกร แม่น้ำมี่หลัวยาว ๔๐ กิโลเมตรผ่านอำเภอผิงเจียง มณฑลหูเป่ย แล้วไหลลงสู่ทะเลสาบตงทิง บริเวณอำเภอซิวซุ่ย มณฑลเจียงซี ต่อมาอีกไม่กี่เดือนในปีเดียวกันนี้ กองทัพของพระเจ้าจ้าวเซียงหวางก็ยกเข้าตีเมืองอิงแตก รัฐฉู่ก็ถึงคราวล่มสลายในปีก่อนค.ศ. ๒๗๘ ข้างชาวรัฐฉู่ต่างระลึกถึงคุณงามความดีของชวีเอวี๋ยน เมื่อถึงวันที่ ๕ ค่ำเดือน ๕ ต่างพากันลงเรือยาวเอาขนมจ่างโยนลงไปกลางแม่น้ำเพื่อสักการะชวีเอวี๋ยน ต่อมาได้มีการพัฒนากลายเป็นการแข่งเรือกันในแม่น้ำ และแพร่หลายไปตามเมืองต่างๆ ส่วนการทิ้งขนมจ่างลงในแม่น้ำก็นำไปสักการะที่ศาลเจ้า หรือที่บ้านพร้อมกับสักการะบรรพบุรุษของตนด้วย กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาจนทุกวันนี้ ชวีเอวี๋ยนได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการประพันธ์ของจีน เขาเป็นกวีโรแมนติกคนหนึ่ง ผลงานของเขามีอิทธิพลต่อกวีรุ่นหลังเป็นจำนวนมาก เช่น หลี่ไป๋ ตูฟู่ เป็นต้น นอกจากนี้เขายังมีความสามารถทางดนตรี การขับร้องและการละเล่นพื้นเมืองอีกด้วย องค์การสันติภาพแห่งโลก ได้จัดงานเป็นที่ระลึกให้เขาในเดือนกันยายนในปีพ.ศ. ๒๔๙๖
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
Title : Qu Yuan
: Somboon Kantakian
ภาพประกอบ จากกูเกิ้ล ***
|
|
|