|
กิมซื่ออ๋องโก้ว 金士王姑
กิมซื่ออ๋องโก้ว 金士王姑 หรือ จินซื่อหวางกู หรือ เจงเจียกอ๋องโก้ว หรือ เต็งก๊กอ๋องโก้ว หรือ อ๋องโก้ว ทรงมีความรู้ในเพลงอาวุธอย่างดีเลิศและเป็นนายพลทหารหญิงคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก สมัยฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ ( ก่อนค.ศ. ๑๕๗ ๘๗ ) ซึ่งครองราชย์ระหว่างก่อนค.ศ. ๑๔๑ ๘๗ ที่เมืองฉางอาน และน่าจะอยู่ในช่วงปลายรัชกาล พระองค์ทรงครองราชย์ถึง ๕๔ ปี นานที่สุดในสมัยราชวงศ์นี้ กิมซื่ออ๋องโก้ว นามเดิมว่า หล่วนเอง แซ่เบ๊ หรือ แซ่หม่า มีพี่ชายคนหนึ่งชื่อ จุ้นหรือ จวิน แซ่เบ๊ ผู้มีใบหน้าสีแดงและสวมเสื้อแดงหมวกแดง บ้านเรือนตั้งอยู่เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน เบ๊จุ้นเมื่ออายุได้ ๑๙ ปี มีเพื่อนรักและสาบานเป็นเพื่อนตายสามคนคือ หลิวซู คักหลิน และเปากังผู้มีใบหน้าสีเขียวสวมเสื้อเขียวหมวกเขียว วันหนึ่งเบ๊จุ้นฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาจึงต้องหนี โดยเอาเบ๊หล่วนเองน้องสาวไปฝากน้าชายไว้ เมื่อหนีไปถึงภูเขาตงหงซาน ก็ถูกโจรปล้น เข้าสู้รบกับนายโจรชื่อ เจียะยุโฮผู้เป็นไต้อ๋องแห่งเขาตงหงซาน หัวหน้าสู้ไม่ได้จึงยอมยกอำนาจหัวหน้าโจรให้เบ๊จุ้นแล้วสาบานเป็นพี่น้องกัน เบ๊จุ้นจึงให้สมุนโจรและหัวหน้าเลิกการเป็นโจร ทำมาหากินเป็นสุจริตชน และฝึกปรือทหารจนเป็นกองทัพเป็นของตนเองหลายหมื่นคน ฝ่ายเฮงเซียนเล่าจ้อแห่งภูเขาจุ้ยเนียมตง ได้ให้เซียวตัดลูกศิษย์ไปสอนเพลงอาวุธ และตำราพิชัยสงครามให้เบ๊จุ้นจนชำนาญ พร้อมกับมอบกระบี่วิเศษที่เรียกว่า ส่ามเม่งจูโปเกียมกับปวยเทียนโบ้ให้เบ๊จุ้น ฝ่ายข้าหลวงเมืองเกงจิวชื่อเฮงอุ๋ยยกทัพ ไปปราบเบ๊จุ้นที่ภูเขาตงหงซาน ปรากฏว่าข้าหลวงแพ้ จึงทำหนังสือกราบทูลฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ แต่บังเอิญช่วงนั้นเบ๊จุ้นไปตามเพื่อนที่เมืองฉางอาน และบิดาเพื่อนเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ ส่วนหลิวซูจะได้เป็นฮูม้าหรือพระราชบุตรเขยของฮ่องเต้ ผู้เป็นพระราชธิดาองค์ที่สองพระนามว่า ตกเอี๋ยงกงจู้หรือ เอี๋ยงซื่อกงจื่อ (นางสิ้นพระชนม์เมื่อก่อนค.ศ. ๙๑) แต่ทว่าหลิวซูกลับถูกขุนนางกังฉินกลั่นแกล้งจนต้องหนีออกจากเมืองหลวง เบ๊จุ้นจึงเข้าเฝ้าถวายรายงานเรื่องเขาตงหงซาน พระองค์จึงพระราชทานฐานันดรศักดิ์ให้เป็น ยวดซิมอ๋อง แล้วรับสั่งให้ไปตามหาหลิวซูว่าที่ฮูม้า ดังนั้น เบ๊หล่วนเอง จึงกลายเป็นน้องสาวท่านอ๋อง คนทั่วไปจึงเรียกนางว่า น้องสาวท่านอ๋องหรือ อ๋องโก้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมายวดซิมอ๋องได้เดินทางไปตามหาฮูม้า กวงหงนักเลงเก่าอันธพาลพร้อมลูกน้อง เข้าไปฉุดคร่าอ๋องโก้วไปบ้านของตน แต่นางไม่ยอมเป็นภรรยา กวงหงจึงขังนางไว้ ยวดซิมอ๋องรู้ จึงยกกองกำลังเข้าไปล้อมบ้านกวงหง แต่เขาไหวตัวทัน พาอ๋องโก้วหนีแล้วเอานางไปฝากไว้กับนักพรตลัทธิเต๋าชื่อ กิวเสงที่วัดป่วนซิวยี่ ข้างนักพรตเห็นนางรูปร่างสะคราญ จึงเข้าปลุกปล้ำ นางไม่ยอม กัดลิ้นตัวเองจนสลบเพื่อฆ่าตัวตาย เจ้าวัดคิดว่านางตายจึงให้ศิษย์เอาไปทิ้งเสียที่หลังเขา ฝ่ายเบ๊หยงนายพรานป่าล่าเนื้อ ออกไปล่าสัตว์แถบนั้นเห็นนางนอนสลบ คิดว่าตาย แต่เห็นเนื้อยังอุ่นอยู่ จึงแบกเอากลับบ้าน ขณะแบกนางกลับบ้านสวนทางกับแม่ชีรูปหนึ่ง แม่ชีจึงให้ยาไปรักษาและตามเขาไปด้วย เบ๊หยงและภรรยารวมทั้งแม่ชีช่วยกันรักษาจนนางหายป่วย แม่ชีจึงสอนวิทยายุทธ พร้อมตำราพิชัยสงครามให้นางจนคล่องแคล่วหาตัวจับยาก แล้วแม่ชีก็ลากลับไปยังเกาะโพโถตำบลจีเต็กหลิน พร้อมกับสั่งว่าหากนางต้องการพบขอให้จุดธูปหนึ่งดอกแล้วระลึกถึง แม่ชีก็จะมา ฝ่ายยวดซิมอ๋องเมื่อรู้ว่านางถูกกักขัง ที่วัดป่วนซิวยี่จึงยกกองทัพไปล้อมเขา เข้ารบกับนักพรตผู้มีกระบองวิเศษเป็นอาวุธ แต่สู้นักพรตไม่ได้ และทราบว่านางได้ตายไปแล้ว เขาจึงปิดประกาศให้รางวัลแก่ผู้พบศพ หรือนำนางมาคืนจะให้รางวัลอย่างงาม ในประกาศใช้คำว่า อ๋องโก้วหรือน้องสาวท่านอ๋อง เบ๊หยงเห็นประกาศจึงไปบอกนางแล้วพากันไปพบยวดซิมอ๋อง ยวดซิมอ๋องไม่เชื่อว่านางได้ฝึกเพลงอาวุธ ที่มีฝีมือเลิศคนหนึ่ง จึงให้นางรำเพลงอาวุธให้ดู ในงานเลี้ยงกลางคืนท่ามกลางแสงจันทร์ นางจึงรำเพลง มังกรเล่นคะนองอยู่กลางอากาศ แต่ละคนพากันชื่นชมว่าเลิศในกระบวนท่าแทบจะมองไม่เห็น มีเทวดาเท่านั้นที่จะสอนให้ได้ ยวดซิมอ๋องพบหลิวซูฮูม้า คิดจะพากันกลับไปยังเมืองหลวงฉางอาน แต่ก่อนที่อาจารย์แม่ชีของนางจะกลับสำนักได้สั่งนางว่า ให้สร้างลุยไถที่ประลองอาวุธ แล้วนางจะได้พบคู่ครอง พร้อมกับเขียนคำโคลงให้บทหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครแก้ได้ นอกจากคู่ครองของนางเท่านั้น ยวดซิมอ๋องจึงตกลง แต่ต้องขอพระบรมราชานุญาตจากฮ่องเต้ก่อน แล้วทำหนังสือไปยังฉางอาน ทรงอนุญาต พร้อมกับเลื่อนยศให้ยวดซิมอ๋องสูงขึ้นเป็น เอี๋ยเปียเบ๊ไต้หงวนโส่ย ผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร และทรงแต่งตั้งนางเบ๊หล่วนเอง เป็น เจงเจียกอ๋องโก้ว และให้นางจัดลุยไถได้ หากนางชนะกลับเมืองหลวงจะทรงตั้งให้ยศสูงขึ้นไปอีก นางจึงไปตั้งลุยไถที่เชิงเขาปวยหง่อเหนีย เพื่อแข่งขันเพลงอาวุธ หาคนที่มีฝีมือดีมีเพลงอาวุธยอดเยี่ยมที่จะชนะนางได้ ก็จะได้นางเป็นคู่ครอง มีผู้เข้าแข่งขันกับนางหลายร้อยคนแต่แพ้นางหมด ต่างก็เสียดายด้วยนางสวยงามมากและฝีมือเพลงอาวุธก็ยอดเยี่ยม ในที่สุดก็มีหนุ่มรูปงามคนหนึ่งชื่อ ทิโฮ แซ่กิม ชนะนางและตอบปริศนาคำโคลงของนางได้ถูกต้อง กิมทิโฮเป็นบุตรชายกิมเฮงเป็นที่ ตินก๊กไต้เจียงกุนนายพลทหารอยู่เมืองเซงโต๋ ซึ่งขึ้นกับเมืองเสฉวน แต่บังเอิญเกิดศึกขึ้น ยวดซิมอ๋องจึงรีบยกทัพไปปราบคุตตงเสง ก่อนที่งานลุยไถจะเปิดการแข่งขัน ผลการสู้รบปรากฏว่า ยวดซิมอ๋องสู้ไม่ได้ จึงให้หลิวซู เจงเจียกอ๋องโก้วและกิมทิโฮยกทัพไปช่วย นางจึงจุดธูปหนึ่งดอกระลึกถึงอาจารย์ ฝ่ายอาจารย์ก็นำอาวุธวิเศษห้าอย่างมาวางไว้ให้ ได้แก่โถฮวย๑ เกียมหรือกระบี่๑ เคียนคุนหมัง๑ เจ่งจุ้ยปุน๑ ลิวกี๑ พร้อมหนังสือกำกับการใช้อาวุธวิเศษเหล่านั้น ยวดซิมอ๋องจึงเอาตราแม่ทัพให้นางกำกับทัพ เข้าสู้รบกับทัพของคุตตงเสง ในที่สุดกองทัพของคุตตงเสงก็แตกพ่าย เมื่อกลับไปถึงเมืองฉางอาน ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ จึงพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์แก่นางให้สูงขึ้นเป็น เต็งก๊กอ๋องโก้ว ส่วนกิมทิโฮได้บรรดาศักดิ์เป็น ปักเพงเฮา หรือ เป่ยผิงโหว หรือเจ้าพระยาฝ่ายหัวเมืองเหนือ แล้วโปรดฯให้จัดงานพิธีสมรสให้กับนายทหารหลายคู่ รวมทั้งคู่ของเต็งก๊กอ๋องโก้วกับปักเพงเฮา เมื่อวันที่ ๕ ค่ำ เดือน ๗ ศาลเจ้ากิมซื่ออ๋องโก้ว ตั้งอยู่ที่เลขที่ ๑๘/๓ หมู่ที่ ๔ ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง ภูเก็ต
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๑
Title : Jin Shi Wang Gu
: Somboon Kantakian
Credits : Somboon Kantakian 21/07/2008
|
|
|