Bookmark and Share Add to Favorites  
สมาชิกเข้าสู่ระบบ
User Name:
Password:
จำการล็อกอินของฉันไว้
ลืมรหัสผ่าน | สมัครสมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
ใสอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้กับเรา
จีนศึกษา
  CHINESE TEXT PROJECT
  STANDARD CHINESE
  เส้นสายลายอักษร
  ลัทธิเต๋า
  รวมเรื่องจีนศึกษา-China Knowledge
  วัฒนธรรมศึกษาจากเว็บต่างๆ
  วัฒนธรรมศึกษาจากภาพ
  พระบรมฉายาลักษณ์ของฮ่องเต้
  มังกรจีนสมัยโบราณ
  มังกรจีนศึกษา
  เลือกเพศให้ลูก
  จีนโบราณจาก บริทิชมิวเซียม
  การเดินทางไกลของเหมาเจ๋อตุง
  จีนในปัจจุบัน
แซ่สกุล
  แซ่ตระกูลที่ใช้กันมาก
  ข้อมูลตระกูลแซ่ต่างๆ
  ประวัติบางแซ่สกุล
  200 แซ่สกุลที่ใช้มาก
  ตระกูลแซ่หลิน
มหาวิทยาลัยชั้นนำ
  BEIJING UNIVERCITY
  Shanghai Jiao Tong University
  Tsinghua University
  Xi'an Jiaotong University
  The Chinese University of Hong Kong
  The University of Hong Kong
  The Hong Kong University of Science and Technology
  Southeast University
  East China Normal University
  Tongji University
  Huazhong University of Science and Technology
  The Hong Kong Polytechnic University
  Tianjin University
  City University of Hong Kong
  Harbin Institute of Technology
  Wuhan University
  China Agricultural University
  Renmin University of China
  Xiamen University
  Fudan University
  Hong Kong Baptist University
  Shandong University
  Nanjing University
  University of Science and Technology of China
  Zhe Jiang University
พิพิธภัณฑ์และหอสมุด
  NATIONAL LIBRARY OF CHINA
  CHINA'S MUSEUMS
  GREAT WALL OF CHINA
  SACRED MOUNTAINS OF CHINA
หนังสือพิมพ์
  ซินหัวไทย
  People's Daily
  Xinhua
  China Daily
  China News
  China .com.cn
  China Youth Daily
เจ - มังสวิรัติ - VEGETARIAN
  เจ-อิ่มบุญ
  พลังบุญ
  เมนูอาหารเจ
  เจทิพย์
  อาหารมังสวิรัติ
  International Vegetarian Union (IVU)
  The Veggie Hub
  Vegetarianism
  A Guide to Vetetarian
  simple-veganista.com/all-recipes
เว็บเครือสมบูรณ์
  สมบูรณ์แก่นโน้ต
  ตระกูลแซ่หลิน
  ภูเก็ตสารสนเทศ
  สมบูรณ์แก่นโน้ต

กวนอู 关羽

 

 

        กวนอู ( 关羽 , 關羽 ) ( Guan Yu ) เป็นเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งที่มีผู้เคารพนับถือกันมาก ที่มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ  กวนเต้า พางฮุ้ย เปี่ยนซี กวนกง กวนไห่ กวนหยุนฉาง กวนตี้ กวนเต้ เต้กุน จางหยุน ชางหยุน ชางซัง เฉิงเอวียนจื่อ หลิ่วเหมิง เหวินโจว อิ้วเหลียง หมางชง หยุนฉาง  กวนอูถือกำเนิดเมื่อ เดือน ๑๒ วันที่กี่ค่ำไม่ปรากฏ ประมาณ พ.ศ. ๗๐๓ - ๗๐๕ ที่ตำบลเจ่ยเหลียน ( ไก่เหลียง ) บ้างว่าคือตำบลเซ่ย ปัจจุบันเป็นเขตหนึ่งของเมืองหยุนเฉิง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ แขวงซานซี ตรงกับรัชสมัยฮ่องเต้หวนตี้ ( หลิวจื้อ ) ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ ระหว่างพ.ศ. ๖๙๐ – ๗๑๐ แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เมืองหลวงตั้งอยู่ที่เมืองลั่วหยาง ทางสำนักพระราชวังทุกราชวงศ์ตั้งแต่อดีตเคยบวงสรวงเซ่นไหว้กวนอูในพระราชวัง ทุกวันที่ ๑๓ ค่ำ เดือน ๑ และเดือน ๕ ตามจันทรคติจีนของทุกปีจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๔ เมื่อราชวงศ์ชิงล่มสลาย ซึ่งเป็นวันถือกำเนิดและวันอสัญกรรมของกวนอู จากประวัติในศาลเจ้ากวนอูที่ตำบลบ้านเกิดกล่าวว่ากวนอูถือกำเนิดประมาณ พ.ศ. ๗๐๓ กวนอูมีบุตร ๓ คน เป็นบุตรหญิง ๑ คน บุตรชายชื่อ กวนซิง ( หิน ) บุตรบุญธรรม ชื่อ กวนผิง ( เป๋ง ) เดิมกวนอูเป็นคนแซ่จาง ( แซ่เตียว )  เข้าใจว่าได้เปลี่ยนเป็นแซ่กวนตอนหนีภัย

            กวนอูสมัยยังเด็กและหนุ่มมีอาชีพในการขายเต้าหู้ เป็นคนรักเรียนสติปัญญาเฉลียวฉลาด สามารถอ่านหนังสือเพียงเที่ยวเดียวก็จำได้ทั้งหมด เมื่อโตเป็นหนุ่มหน้าตาคมสันใบหน้าสีชมพู ร่างกายสูงหกศอก ไว้หนวดสีแดงเครายาวสีดำ ดวงตาเล็กเรียวยาวตาคมเหมือนตาหงส์ คิ้วดกดำแวววาวเหมือนเส้นไหม เขาสนใจเรียนทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น ลักษณะเด่นประการหนึ่งของเขาก็คือ เป็นคนสัตย์ซื่อกตัญญูเป็นเอก ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

           วันหนึ่งเขาเห็นพฤติกรรมอันชั่วช้าของพนักงานเก็บภาษีชื่อ หลิ่วเซียง โดยฉุดคร่าผู้หญิงไปข่มขืน เขาจึงเข้าไปช่วย หลิ่วเซียงถูกกวนอูฆ่าตาย ซึ่งขณะนั้นกวนอูอายุประมาณ ๒๓ - ๒๕ ปีกำลังอยู่ในวัยเบญจเพสหัวรุนแรง เมื่อเกิดเหตุฆ่าคนตายเช่นนี้เขาจึงหนีเข้าป่าไปตามภูเขายังต่างเมือง โดยหนีขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงลำธารแห่งหนึ่งจึงวักน้ำล้างหน้า ปรากฏว่าใบหน้าเขาแต่เดิมสีชมพูแต่กลายเป็นสีแดงเข้มไม่เหมือนเก่า พร้อมกับเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ ทำให้การหนีประกาศจับจากอำเภอสะดวกขึ้น

           เขาเดินทางไปถึงตำบล จั๋ว คือ จั๋วโจวในปัจจุบัน ( ตุนกวน ) แขวงเมืองปักกิ่ง มณฑลเหอเป่ยในปัจจุบัน ณ ที่เมืองนี้เขาได้พบกับชายหนุ่มสองคนในร้านขายสุรา คนหนึ่งรูปร่างสง่างาม ใบหน้าขาว แต่งกายภูมิฐาน ลักษณะเป็นผู้มีบุญ เขาคือ เล่าปี่ ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์ฮั่น กับอีกคนหนึ่งใบหน้าดำ รูปศีรษะเหมือนหัวเสือ อาชีพขายเนื้ออยู่ในตลาด ผู้หุนหันพลั่นแล่น เขาชื่อเตียวหุย เมื่อทั้งสามต่างคุยกันถูกอกถูกใจ มีแนวความคิดเดียวกัน หลังจากเสพสุราอาหารแล้ว ทั้งสามคนจึงทำพิธีไหว้ฟ้าดินประกาศสาบานเป็นพี่น้องกัน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน เล่าปี่อายุมากกว่าใครจึงเป็นพี่ใหญ่ เตียวหุยอายุน้อยกว่าเพื่อนเป็นน้องเล็ก

       บ้านเมืองในช่วงนั้นไม่เป็นปกติสุขด้วยเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมซึ่งแสดงให้เห็นถึงผู้ครองแผ่นดินอ่อนแอ ไม่มีความยุติธรรม ตลอดจนการฉ้อราษฎร์บังหลวง พวกกังฉินเป็นใหญ่ ในช่วงรัชสมัยฮ่องเต้หลิงตี้ ( หลิวหง ) หรือ เหี้ยนเต้ เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองขึ้น ซึ่งความจริงแล้วได้เริ่มมาตั้งแต่สมัยฮ่องเต้อานตี้มาแล้ว ในช่วงนั้นบังเกิดความแห้งแล้งขึ้นทั่วไปทางภาคเหนือ ชาวนาอดอยากแถมยังถูกทางการบ้านเมืองรีดนาทาเร้นข่มเหงซ้ำเติม เกิดกลียุคไปทั่ว ชาวนาต่างรวมกลุ่มกันต่อสู้กับทางการจากร้อยเป็นพันเป็นหมื่นแสนเพื่อปลดแอกจากทางการเมื่อปี พ.ศ. ๗๒๗ เรียกว่า กบฏโพกผ้าเหลือง โดยมีหัวหน้าชื่อ จางเจี่ยว ซึ่งเป็นหัวหน้าลัทธิไท่ผิงเต้า ด้วยการยกย่อง พระเจ้าหวงตี้เป็นพระบิดาของพวกตนและยกย่องเล่าจื่อปรมาจารย์ลัทธิเต๋า เขาเชื่อว่า ฟ้าน้ำเงินจะดับสูญ คือหมายถึงราชวงศ์ฮั่นจะล่มสลาย ฟ้าเหลืองจะเป็นใหญ่ จึงใช้ผ้าเหลืองโพกศีรษะ ทางราชการจึงทำการกวาดล้างก็ยังไม่หมดสิ้นกว่า ๒๐ ปีจนถึงสมัยสามก๊ก

          ทั้งสามคนจึงวางแผนรวบรวมสมัครพรรคพวกเกลี้ยกล่อมชาวบ้านได้กว่าห้าร้อยคน แต่ก็ยังขาดเงินที่จะจัดหาอาวุธ บังเอิญพ่อค้าม้าสองคนติดอยู่ที่เมืองตุนกวน ไม่กล้านำม้าผ่านไปขายยังต่างเมืองเพราะกลัวพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้น ทั้งสามจึงทำสัญญาขอม้า ๕๐ ตัวกับเหล็กจำนวน ๑๐๐ หาบแลกกับการเป็นกองคุ้มครองความปลอดภัยในการเดินทาง พ่อค้าม้าตกลง เล่าปี่จึงนำเหล็กไปตีเป็นอาวุธชนิดต่างๆและเสื้อเกราะแจกพรรคพวก ตีกระบี่คู่หนึ่งสำหรับตน หอกหนึ่งอันสำหรับเตียวหุย และง้าวประกอบมังกรเขียว หนัก ๘๒ ชั่ง ( ๔๑ กิโลกรัม ) สำหรับกวนอู เล่าปี่จึงไปแจ้งทางการขอเป็นกองนอกอาสาสมัคร ข้างนายอำเภอก็รีบรับไว้ เพราะได้ข่าวโจรโพกผ้าเหลืองหัวหน้าชื่อ เทียอวนจี้ คุมพลกว่าห้าหมื่นจะปล้นเมืองตุนกวน เล่าปี่ได้รับคำสั่งจึงเคลื่อนพลไปยังภูเขาไท่เหียงซาน โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็ปราบโจรได้ ชื่อเสียงเลื่องลือไปยังเมืองใกล้เคียง ต่างขอกำลังให้เล่าปี่ไปปราบโจรโพกผ้าเหลือง แต่ความดีความชอบยศและสินบนตกเป็นของเจ้าเมืองสิ้น พวกตนก็ยังยากจนอยู่มีแต่ฝีมือ สุดท้ายได้ร่วมมือกับจูฮีเจ้าเมือง ปราบหัวหน้าโจรใหญ่คือ จางเจี่ยวหรือ เตียวก๊กลงได้ราบคาบ หัวหน้าโจรตาย จูฮีเข้าเมืองหลวงได้รับยศและตำแหน่งเป็นนายทหารใหญ่ แต่เล่าปี่ได้รับแค่เจ้าเมืองเล็กๆปลายเขตแดน ต่อมาเล่าปี่มีความชอบได้ไปกินเมืองเพงหงวนกวน กวนอูกับเตียวหุยยังไม่ได้รับยศอะไรเลย

         ข้างเมืองลั่วหยางฮ่องเต้หลิงตี้เสด็จสวรรคต พ.ศ. ๗๓๒ ตั๋งโต๊ะเจ้าเมืองชีเหล็งตั้งตัวเป็นใหญ่จะเอาราชสมบัติเสียเอง ข้างข้าหลวงหัวเมือง ๑๗ เมืองต่างไม่ยอมจึงยกทัพเข้าล้อมเมืองหลวงเพื่อปราบตั๋งโต๊ะ ใน ๑๗ เมืองนี้รวมทั้งเล่าปี่ด้วย ตัวหัวหน้าคืออ้วนเสี้ยวและโจโฉ นายทหารหัวเมืองทั้ง ๑๗ เมืองกับนายทหารหลวงต่างประลองกำลังกัน ปรากฏว่า ถูกนายทหารหลวงฆ่าตายหลายนาย ฮัวหยงนายทหารเอกเมืองหลวงออกมาท้ารบ กวนอูผู้เป็นทหารยืนอยู่หน้าม้าเล่าปี่ขันอาสา แต่อ้วนเสี้ยวกลับมองเห็นกวนอูไม่มีค่า หรือแม่แต่เล่าปี่ก็เช่นเดียวกัน เขาจึงไล่กวนอูออกไปเสียจากค่ายทหาร โจโฉมองเห็นกวนอูไม่ใช่คนธรรมดา จึงเข้าไปไกล่เกลี่ยขออนุญาตจากอ้วนเสี้ยวให้กวนอูออกรบ พร้อมกับรินสุราอุ่นให้หนึ่งจอกบำรุงขวัญ กวนอูจึงว่า

       “ข้าพเจ้าเป็นแต่พลทหาร ซึ่งท่านจะให้สุราดึ่มนั้นของดไว้ก่อน เมื่อใดข้าพเจ้าได้ศีรษะฮัวหยงมาแล้ว จึงจะรับเอาสุราของท่าน” ว่าแล้วกวนอูขึ้นม้าถือง้าว ๘๒ ชั่งออกไปสู้รบกับฮัวหยง ข้างนายทหาร ๑๗ หัวเมืองเมื่อได้ยินเสียงกลองรบต่างออกไปจากค่ายแค่ไปถึงประตูค่าย กวนอูก็หิ้วศีรษะฮัวหยงกลับเข้ามาแล้ว ทิ้งศีรษะฮัวหยงไว้หน้าค่าย โจโฉส่งสุราจอกเดิมให้ ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวแต่สุราจอกนั้นยังอุ่นอยู่เลย อย่างไรก็ดีเจ้าเมืองทั้ง ๑๗ เมืองต่างแตกความสามัคคีกัน จึงแยกย้ายไปยังเมืองของตน ข้างตั๋งโต๊ะก็พบจุดจบ ส่วนโจโฉไปตั้งหลักที่ภาคตะวันออก

          ข้างเล่าปี่คบคิดกับพวกขุนนางโค่นโจโฉ แต่ทัพเล่าปี่เตียวหุยแพ้ยับเยิน ต้องหนีไปพึ่งอ้วนเสี้ยว ขณะที่ทั้งสองแตกพ่ายโจโฉไปนั้น กวนอูมีหน้าที่รักษาเมืองเซี่ยพีซึ่งเป็นเมืองหลวง ( ปัจจุบันคือพีโจว มณฑลเจียงซู ) กับครอบครัวเล่าปี่ ข้างโจโฉอยากได้กวนอูเพราะเห็นฝีมือแล้ว จึงวางอุบายล่อกวนอูให้ออกรบ แล้วตนยกเข้าเมืองเซี่ยพี จับครอบครัวเล่าปี่เป็นตัวเชลย กวนอูจึงยอมไปอยู่กับโจโฉโดยมีข้อสัญญา ๓ ประการ คือ ๑. ต้องถือว่ากวนอูเป็นข้าราชการในฮ่องเต้ ๒. กวนอูต้องดุแลพี่สะใภ้ ห้ามผู้ใดเข้าใกล้ ๓. เมื่อรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ใดจะจากไปทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวใคร โจโฉก็ยอมรับแต่เกรงข้อสาม

          ดังนั้นเพื่อที่จะให้กวนอูอยู่กับตนให้ได้ จึงวางกลอุบายให้กวนอูได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่สะใภ้ภรรยาเล่าปี่ขณะเดินทัพกลับ และช่วงที่อยู่ในตัวเมือง แต่โจโฉต้องผิดหวังด้วยความซื่อสัตย์ของกวนอู ถึงแม้โจโฉจะให้สิ่งของมากมายเขาก็ไม่ยินดี แต่เมื่อได้ม้าเซ็กเทาของลิโป้ที่โจโฉให้เขายินดีมาก เพราะเป็นม้าวิ่งเร็ว เพื่อมิให้กวนอูจากไป เขาจึงไม่ให้กวนอูออกรบเพื่อทดแทนคุณ แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นกวนอูต้องออกรบถึงสองครั้ง ซึ่งถือว่าตนได้ทดแทนบุญคุณโจโฉแล้ว เมื่อทราบข่าวว่าเล่าปี่พำนักอยู่กับอ้วนเสี้ยวเขาจึงออกจากเมืองซูฉาง( ฮูโต๋ ) ต้องผ่านด่านถึงห้าด่าน เขาจำต้องฆ่านายด่านของโจโฉ จนถึงด่านสุดท้ายโจโฉจึงให้ธงผ่านด่าน

          เมื่อเขาไปถึงตำบลเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีเตียวหุยครองอยู่ เตียวหุยทราบข่าวการไปอยู่กับโจโฉ ทำให้เขาโกรธมากจึงออกมาจะทำร้ายกวนอู ถึงแม้พี่สะใภ้จะชี้แจงเขาไม่ฟัง จนกวนอูต้องทำคุณไถ่โทษออกไปปราบทหารที่ยกกองมาจะจับกวนอูเพราะเข้าใจว่าเขาหนีจากโจโฉมา เตียวหุยจึงเชื่อ

          ในที่สุดการสู้รบกันทั้ง ๑๗ เมืองคงเหลือเพียง ๓ เมืองหรือสามก๊ก คือ ซุนกวนรักษามรดกของบรรพบุรุษที่กังตั๋งมีเมืองเจี้ยนคัง ( นานกิง )เป็นเมืองหลวง ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ โจโฉครองอยู่ที่เมืองฮูโต๋ ส่วนเล่าปี่อยู่ที่เสฉวน

        ครั้งหนึ่งจิวยี่ทหารเอกของซุนกวนเชิญเล่าปี่ให้ไปกินโต๊ะในเรือของตนเพื่อวางแผนฆ่า แต่กวนอูติดตามไปด้วยจึงไม่กล้าลงมือ

         ในปี พ.ศ. ๗๕๗ กวนอูอายุได้ ๕๓ ปีแล้ว เล่าปี่ได้ให้กวนอูไปครองเมืองเกงจิ๋วหรือจิงโจวในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในตำแหน่ง โหว ( เจ้าพระยา ) ที่เขายืมจากซุนกวนโดยมีโลซกเป็นคนค้ำประกัน ทำให้ซุนกวนไม่พอใจ ขอเมืองคืน เล่าปี่จึงให้ไปทวงเอากับกวนอูเจ้าเมือง มีหรือที่กวนอูจะยกกลับคืนไปง่ายๆ

          ข้างจูกัดกิ๋นแนะนำซุนกวนขอบุตรสาวกวนอูมาแต่งงานกับบุตรชายซุนกวน กวนอูไม่ยอมยกให้แถมด่าว่าให้เสียหายอีกต่างหาก ทำให้ซุนกวนโกรธ จึงวางแผนยึดเกงจิ๋วโดยให้โลซกไปทวงคืน ข้างโลซกจึงเชิญกวนอูให้มาเสพสุราอาหารในเรือรบของตนเพื่อวางแผนกำจัดกวนอู แต่ไม่สำเร็จ

         เมื่อกวนอูได้รับหนังสือจากเล่าปี่ให้ไปยึดเมืองอ้วนเสียให้ได้ซึ่งขณะนั้นกองทัพโจโฉยึดเมืองนี้อยู่ เกิดสู้รบกันขึ้น กวนอูถูกยิงด้วยธนูอาบยาพิษที่ไหล่ขวา หมอฮัวโต๋ได้มาช่วยผ่าเอาเนื้อร้ายออก จนเกือบหายขาด ขณะนั้นโจโฉมีหนังสือถึงซุนกวนให้รีบยกไปยึดเมืองเกงจิ๋วเสียเพราะตอนนี้กวนอูกำลังศึกติดพันอยู่ที่เมืองอ้วนเสีย ซุนกวนจึงให้ลิบองไปยึดเมืองเกงจิ๋วด้วยอุบายจนได้เมืองกลับคืนมา ซึ่งทำให้กวนอูเสียใจมาก ขณะที่กวนอูยกมาถึงกลางทางเมืองเกงจิ๋ว ทั้งกองทัพซุนกวนและกองทัพโจโฉขนาบหน้าหลัง กวนอูต้องสู้พลางหนีพลางเพราะทหารมีจำนวนน้อย แผลก็ยังปวดเจ็บ

          เมื่อกวนอูหนีข้าศึกหลายด้านเข้าไปในช่องแคบเชิงเขาเจาซาน ตำบลเหม่ยเฉิง ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองตังเอี๋ยงมืดค่ำพอดี ม้าถูกแร้วดักทั้งม้าและตัวกวนอูตกลงไปในหลุมดัก ทำให้สีข้างถูกก้อนหิน ตัวม้าก็เหยียบขากวนอูจนลุกขึ้นไม่ได้ ทั้งคนทั้งม้าจึงถูกจับมัด ข้างกวนเป๋งเห็นดังนั้นจึงเข้าไปช่วยก็ถูกรุมจับมัด นำไปเฝ้าซุนกวน ข้างซุนกวนเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ด้วย แต่เขาไม่ยอม ซุนกวนจึงให้ทหารนำกวนอู กวนเป๋ง สองพ่อลูกไปตัดศีรษะเสีย กวนอูถึงแก่อสัญกรรมเมื่ออายุได้ ๕๘ ปี เมื่อเดือน ๑๒ วันที่กี่ค่ำไม่ปรากฏ พ.ศ. ๗๖๒ ในรัชสมัยฮ่องเต้เซียนตี้ ( หลิวเสีย ) ที่เมืองไหม่เฉิงหรือเป่ยเซี่ย อำเภอตังเอี๋ยง มณฑลหูเป่ย

          กล่าวกันว่าวิญญาณกวนอูไปปรากฏที่ภูเขาจวนหยกซาน แดนเมืองตังเอี๋ยง บนยอดเขามีหลวงจีนจำวัดอยู่ และยังได้เข้าไปสิงร่างลิบองผู้ยึดเมืองเกงจิ๋วหักคอจนตาย พวกขุนนางของซุนกวนกลัวเล่าปี่จะยกมาแก้แค้น จึงให้ซุนกวนเอาศีรษะศพกวนอูส่งไปให้โจโฉที่เมืองลั่วหยาง เพื่อให้เล่าปี่ไปแก้แค้นกับโจโฉ เมื่อโจโฉเห็นศพศีรษะกวนอู ขณะนั้นผีกวนอูหลอกหลอนเขาจนล้มลงปวดศีรษะ หลังจากนั้นโจโฉแก้เกมด้วยการนำศีรษะกวนอูใส่โลงไม้หอม ประกอบพิธีศพอย่างขุนนางผู้ใหญ่เต็มยศ ประกอบพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้แล้วนำไปฝังไว้ที่ใกล้ประตูเมืองลั่วหยางทางทิศใต้ พร้อมทั้งตกแต่งสุสานกวนอูแบบขุนนางผู้ใหญ่เจ้าเมืองเกงจิ๋ว พร้อมกับทำศิลาจารึกข้อความว่า “ที่ฝังศพเจ้าเมืองเกงจิ๋ว”  ข้างซุนกวนเกรงเล่าปี่จะยกทัพมาตีเมืองของตนด้วยเหตุฆ่ากวนอู  ซุนกวนจึงสร้างสุสานฝังร่างศพของกวนอูไว้ที่ตำบลไหม่เฉิง ปัจจุบันคือเมืองตังเอี๋ยง  จิงโจว  มณฑลหูเป่ย           ฝ่ายเล่าปี่คิดถึงกวนอูมากจึงจำต้องประกอบพิธีฝังศพกวนอูซึ่งมีแต่เสื้อผ้ากวนอูที่เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน

           หลังจากกวนอูถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ถึง พ.ศ. ๗๖๓ ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ณ เมืองลั่วหยางก็ดับสูญ หลังจากพระเจ้าเว่ยอ๋องโจโฉสิ้นพระชนม์ โจผีโอรส เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นราชวงศ์เว่ย ทรงพระนามว่า ฮ่องเต้เหวินตี้ ข้างพระเจ้าเล่าปี่เสด็จขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่า ฮ่องเต้เจาเหลี่ยตี้ หรือฮั่นจง เป็นราชวงศ์สู่ เมืองหลวงตั้งที่เฉิงตู เสฉวน พระเจ้าซุนกวนเสด็จขึ้นครองราชย์ที่เมืองเจี้ยนคัง ทรงพระนามว่า ฮ่องเต้ต้าตี้ เป็นราชวงศ์อู๋

     กวนอูได้รับความเคารพนับถือทั้งพุทธศาสนาฝ่ายมหายานและลัทธิเต๋า ทางฝ่ายมหายานตั้งให้เป็น “พระโพธิสัตว์สังฆาราม” ฝ่ายลัทธิเต๋าตั้งเป็น เทพเจ้ากวนอู กวนกง องค์ที่ ๒ สมเด็จพระจักรพรรดิกวน และยังได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ฯ จากภาพต่างๆทั้งภาพวาดและภาพปั้นของกวนอู ส่วนใหญ่สวมชุดนายพลทหารเต็มยศนั่งบนหลังม้า มือถือง้าวขนาดใหญ่ บางภาพถือขวานด้ามยาวปลายเป็นหอก ถ้าเป็นรูปนั่ง มือหนึ่งจับเครายาว อีกมือหนึ่งถือหนังสือรายงานชุนชิว ชื่อกวนอูอีกชื่อหนึ่งคือ ฝูโม่ต้าตี้ ผู้นับถือได้จัดงานในวันที่ ๑๓ ค่ำ เดือน ๕ แต่บางท้องถิ่นถือเอาวันที่ ๒๔ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี ศาลเจ้ากวนอู ทางการจีนในอดีตได้สร้างไว้ทั่วประเทศกว่าพันแห่ง เพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาได้สักการะเซ่นสรวงดวงวิญญาณของท่าน

 

          :     สมบูรณ์ แก่นตะเคียน       ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐

 

Title     :     Guan Yu

 

 

ภาพสุสานกวนอู

ณ เมืองลั่วหยาง

ถ่ายโดย

ผศ. สมบูรณ์ แก่นตะเคียน

๑๑ พฤษภาคม  ๒๕๕๑

 

***

 


 

 

 

 

 

 

*****

 

 

บทความอื่นๆ ในหมวดเดียวกัน