|
อวยชีจง 尉遲恭
เว่ยชิเจี้ยงเต๋อ หรือ อวี่ฉือเจี้ยงเต๋อ 尉遲敬德 หรือ เว่ยชิกง หรือ อวยซีจง 尉遲恭 หรือ เอ้อจงอู่กง 鄂忠武公 จงกงแห่งเมืองอู่ เป็นเทพเจ้าประจำประตูที่เห็นใบหน้าสีเหล็ก มือถือกระบองเหล็กหนึ่งอัน เว่ยชิเจี้ยงเต๋อรับราชการเป็นนายพลทหารที่เก่งกล้า แห่งสมัยฮ่องเต้ถังไท่จง ราชวงศ์ถัง เว่ยชิ ถือกำเนิดเมื่อพ.ศ. ๑๑๒๘ บริเวณเขตเมืองซัวโจว มณฑลซานซี สมัยฮ่องเต้สุยเหวินตี้ ( เอี๋ยงเจียน ) ในปีรัชกาลไคหวงที่ ๕ เป็นคนสืบเชื้อสายมาจากชาวเติร์กที่อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองซัว และใช้ แซ่เฉี้ยนเป๊ย 鲜卑, 鮮卑 หรือแซ่ตั้วป๋า 拓拔 ต่อมาแซ่นี้เปลี่ยนเป็นแซ่หยวน 元 สมัยฮ่องเต้เซี่ยวเหวินตี้ ( หยวนหง )แห่งราชวงศ์เว่ยเหนือ เว่ยชิรูปร่างผิวพรรณเหมือนสีเหล็ก ปากกว้าง มีหนวดเคราดก จมูกใหญ่ ดวงตากลมวาวเป็นแสง สวมหมวกเหล็ก มือถือกระบองเหล็กเป็นปล้องเหมือนปล้องไม้ไผ่หนักประมาณ ๗๒ กิโลกรัม ร่างกายสูงใหญ่ประมาณ ๖ ฟุตมีพละกำลังแข็งแกร่ง เป็นคนใจซื่อและทื่อค่อนข้างโผงผาง ได้ฝึกเพลงอาวุธจนชำนาญ เมื่อวัยหนุ่มจึงได้ไปสมัครเป็นทหารของกองทัพแห่งราชวงศ์สุย ได้เข้าร่วมปราบปรามพวกกบฏชาวนาจนได้รับบำเหน็จความชอบเป็นอันมาก เมื่ออายุได้ ๓๒ ปีในปีพ.ศ. ๑๑๖๐ เป็นนายทหารสังกัดกองพลของนายพลหลิวอู่โจว แห่งราชวงศ์สุย ต่อมานายพลได้ประกาศแยกตัวออกมาตั้งตนเป็นข่านเรียกว่า ติงเอี๋ยงข่าน เว่ยชิก็เข้าร่วมกับเขาและได้เป็นนายพลทหารแห่งกองทัพท่านข่าน พ.ศ. ๑๑๖๒ เว่ยชิได้สังกัดกองพลของนายพลซ่งอินกางของท่านข่าน เพื่อต่อต้านกองทัพของราชวงศ์ถังทางภาคใต้ พ.ศ. ๑๑๖๓ ในระหว่างช่วงปีใหม่ กองทัพของนายพลซ่งอินกาง โดยมีเว่ยชิ ซวินเซียง ร่วมอยู่ด้วยกำลังรบติดพันกองทัพราชวงศ์ถังซึ่งมีองค์ชายหลี่เซี่ยวจีหลานฮ่องเต้ถังเกาจู่ และผู้ใหญ่อีกหลายคน เช่น ถังเจียน หลิวซื่อเหยียง ข้างเว่ยชิเข้าล้อมกรอบหลี่ซื่อหมิน ซึ่งมีฉินฉวนและยิ่นไค้เซิ้น รวมอยู่ด้วย แต่หลี่ซื่อหมินหนีไปได้ ถังเจียนจึงเสนอให้ทำสัญญาพันธไมตรีกัน ฝ่ายหลี่ซื่อหมินได้เห็นการสู้รบของเว่ยชิ ที่มีความเก่งกล้าสามารถในการรบพุ่ง จึงอยากได้มาเป็นนายทหารของตน จึงให้คนไปเกลี้ยกล่อม แต่เว่ยชิตอบว่าตนมีเจ้านายเพียงคนเดียวตราบใดที่ท่านข่านยังมีชีวิตอยู่ก็จะอยู่กับเขาตลอดไป เว่ยชิเป็นทหารที่แม่ทัพของท่านข่านคิดว่า เขากำลังตีตัวออกห่างจึงปลดเขาออกจากแม่ทัพหน้า แล้วให้ไปอยู่กองลำเลียง ต่อมาท่านข่านถูกลอบปลงพระชนม์ เว่ยชิจึงพากองทหารของตนเข้ามาอยู่ด้วยกับหลี่ซื่อหมิน หลี่ซื่อหมินจึงมอบทหารจำนวน ๘๐๐๐ นายที่มากับเขาให้อยู่ในบังคับบัญชาของเขาตามเดิม ซึ่งทำให้นายพลชิทุทงไม่พอใจกลัวว่าเขาไม่จริงใจที่มาอยู่ด้วย เว่ยชิเข้าอยู่ในกองทัพของหลี่ซื่อหมินแล้ว ฝ่ายหลี่ซื่อหมินกำลังยกทัพไปปราบก๊กของหวางซื่อชง ซึ่งตั้งตนเป็นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเจิ้ง ภายในกองทัพนี้มีพรรคพวกของเว่ยชิเข้ามาสมัครเป็นทหารอยู่ด้วยหลายคน ทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกันขึ้น กลัวว่าเว่ยชิจะไว้ใจไม่ได้ จึงถูกจับคุมขัง แต่นายทหารอย่างชิทุทงและยิ้นไค้เซิ้นช่วยว่ากล่าวแก้ไข หลี่ซื่อหมินคิดว่าเขาคงไม่ทำ หลังจากนายทหารคนหนึ่งละทิ้งหน้าที่หนีไปอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม หลี่ซื่อหมินจึงพาเขาเข้าไปในค่ายพร้อมปลอบใจให้ทองคำมากมาย วันหนึ่งกองทัพของหลี่ซื่อหมินถูกล้อมโดยนายพลตันยงซินแห่งเจิ้ง ตันยงซินพยายามฆ่าเขาด้วยหอก เว่ยชิเข้ามาช่วยทันเวลาด้วยการใช้หอกแทงตันยงซินตกม้า หลี่ซื่อหมินจึงปลอดภัย กองทัพของหวางซื่อชงพ่ายแพ้ หลี่ซื่อหมินจึงมอบรางวัลให้เขาเป็นอันมาก ฝ่ายองค์ชายหลี่หยวนจีเห็นเว่ยชิฝึกทหาร อยากประลองฝีมือด้วย ฮ่องเต้ถังเกาจู่ทรงอนุญาต แต่กลายเป็นแผนพิฆาตตัว หลี่ซื่อหมินเสีย ด้วยกลัวเขาจะชิงบัลลังก์ แต่หลี่ซื่อหมินก็ปลอดภัยด้วยเว่ยชิเข้าช่วยเหลือ หลี่ซื่อหมินจัดตั้งกองพลทหารดำ ด้วยการรวบรวมนายทหารที่เก่งกล้าสามารถจำนวน ๑๐๐๐ นาย รวมทั้ง ฉินฉวน เว่ยชิเจี้ยงเต๋อ เฉิงจื่อจิ่ว เป็นผู้ช่วย โดยให้สวมชุดดำถืออาวุธสีดำ แล้วยกทัพไปปราบอาณาจักรเจิ้ง และอาณาจักรเซี่ยของ โต้วเจี้ยนเต๋อ ในปีพ.ศ. ๑๑๖๔ กองทัพของอาณาจักรเจิ้งกับกองทัพของโต้วเจี้ยนเต๋อร่วมมือกันเข้ารบกับกองทัพราชวงศ์ถัง เว่ยชิเป็นกองทัพหน้าเข้าตีกองทัพของโต้วแตก หลี่ซื่อหมินพยายามกล่อมให้โต้วแยกตัวออกจากหวางซื่อชง แต่เขาไม่ยอม ในฤดูร้อนของปีเดียวกัน การสู้รบระหว่างกองทัพเซี่ยกับกองทัพถังที่ตำบลหูหลาว ขณะนั้นองค์ชายหวางหวานหลานชายหวางซื่อชงเป็นแม่ทัพหน้ากำลังยืนม้าด้วยท่าทางสง่า บนหลังม้าตัวงาม หลี่ซื่อหมินเห็นม้าดีก็อยากได้เปรยว่า ม้าตัวนั้นสวยงามดี เว่ยชิบอกว่าเขาจะไปจับเอามาให้ แต่หลี่ซื่อหมินไม่อนุญาตกลัวจะเสียนายพลทหารที่เก่งกาจไป แต่เว่ยชิไม่ฟังกลับชวนกาวเจิ้งเซิ้งควบม้าออกไป บุกเข้าไปยังทัพหน้าของเซี่ยอย่างอาจหาญ เข้าสู้รบกับหวางหวานแล้วรวบตัวทั้งม้าทั้งคน มามอบให้หลี่ซื่อหมิน เมื่อเขาอายุได้ ๓๖ ปีในปีพ.ศ. ๑๑๖๔ ฤดูใบไม้ร่วง นายพลหลิวเฮ่อต้าก่อการแถบเมืองขึ้นของอาณาจักรเซี่ย แต่ตอนนั้นเว่ยชิได้ถูกส่งไปปราบพวกทูเจี๊ยะตะวันออกบริเวณมณฑลหนิงเซี่ยในปัจจุบัน เขาจึงไม่ได้ไปกับกองทัพของหลี่ซื่อหมิน พ.ศ. ๑๑๖๕ ภารกิจที่หนิงเซี่ยเรียบร้อยแล้ว เขาจึงกลับเข้ากองทัพของหลี่ซื่อหมิน ซึ่งยกไปปราบหลิวเฮ่อต้า ขณะนั้นกองทัพทั้งสองฝ่ายเกิดปะทะกัน หลี่ซื่อหมินเห็นหลี่ซื่อจีอยู่ในเขตอันตรายจึงรีบเข้าไปช่วย แต่เขาถูกล้อมด้วยทหารของหลิว เว่ยชิจึงรีบเข้าไปช่วยกันออกมาได้ ในที่สุดกองทัพของหลี่ซื่อหมินตีกองทัพหลิวเฮ่อต้าแตกพ่ายไป พ.ศ. ๑๑๖๖ เว่ยชิต้องยกทัพไปปราบพวกทูเจี๊ยะก่อการที่เมืองซัว เขตซานซี พ.ศ. ๑๑๖๗ เขาต้องยกทัพไปปราบพวกทูเจี๊ยะที่เมืองหลงเขตส่านซี ก่อนเกิดเหตุกรณีประตูเซวียนอู่ องค์ชายหลี่เจี้ยนเฉิงองค์รัชทายาทผู้พี่กับองค์ชายหลี่หยวนจีน้องของหลี่ซื่อหมิน ร่วมมือกันวางแผนฆ่าหลี่ซื่อหมิน ด้วยเขากลัวว่าหลี่ซื่อหมินจะชิงบัลลังก์ เพราะเห็นว่าหลี่ซื่อหมิน มีนายทหารที่เก่งกาจสามารถเป็นจำนวนมาก และเป็นผู้มีความสามารถมากกว่าตน จึงพยายามดึงนายพลทหารของหลี่ซื่อหมินออกมาเป็นพวกของตน ทั้งสององค์จึงติดสินบนให้คนนำทองคำจำนวนมากไปมอบให้เว่ยชิ เพื่อชักชวนให้ตีตนออกห่างจากหลี่ซื่อหมิน แต่เขาส่งของมีค่าทั้งหมดกลับคืนพร้อมหนังสือไปด้วยว่า เขามีเจ้านายองค์เดียวจะซื่อสัตย์กตัญญูต่อหลี่ซื่อหมินเท่านั้น หลี่เจี้ยนเฉิงกริ้วจึงวางแผนฆ่าเว่ยชิ แต่เขาก็ปลอดภัย เขาจึงปรับปรำเว่ยชิว่าเป็นอาชญากร ฮ่องเต้ถังเกาจู่จึงรับสั่งให้ขังเว่ยชิ แต่หลี่ซื่อหมินกราบทูลชี้แจงความจริงให้ทรงทราบ ครั้นถึงฤดูร้อนปีพ.ศ. ๑๑๖๙ หลี่เจี้ยนเฉิงพยายามเก็บนายพลคนสำคัญของหลี่ซื่อหมิน เช่น เว่ยชิเจี้ยงเต๋อ ฉินฉวน เฉิงจื่อจิ่ว ตวนจื่อเซวียน แต่ไม่สำเร็จ ทำให้นายพลเหล่านั้นไม่สบายใจในความเป็นอยู่ เว่ยชิจึงเตือนหลี่ซื่อหมินว่า ถ้าหากเขาไม่คิดการณ์ไกลแล้ว นายพลหลายคนอาจทนไม่ได้ต้องลาจากไปอยู่ที่อื่น ทำให้หลี่ซื่อหมินต้องคิดหนักและในที่สุดเมื่อเขาถูกยาพิษจากงานเลี้ยงของน้องชายคือหลี่หยวนจี เขาจึงชิงทำการเสียก่อน โดยมีนายพลที่ไว้ใจได้รวมทั้งเว่ยชิและฉินฉวน เขาจึงให้เว่ยชิไปเกลี้ยกล่อมฝางเสวียนหลิงและตู้หยุยฮุ่ยให้ร่วมมือ ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือก็ให้ฆ่าเสีย ฝ่ายหลี่ซื่อหมินจึงเข้าเฝ้ากราบทูลให้ทรงทราบถึงพี่ชายและน้องชายคิดฆ่าเขา ฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะสอบสวนให้ แต่หลี่ซื่อหมินลงมือก่อน ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินทางเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เกิดการสู้รบกันขึ้นทั้งสองฝ่าย ที่ประตูเซวียนอู่ ทางเข้าพระราชวังฮ่องเต้เกาจู่ พี่น้องทั้งสองถูกฆ่าตาย โดยหลี่เจี้ยนเฉิงถูกเกาทัณฑ์ของหลี่ซื่อหมินจนสิ้นพระชนม์ ส่วนหลี่หยวนจีสู้รบกับหลี่ซื่อหมิน แต่ม้าของหลี่ซื่อหมินพาวิ่งเขาไปในอุทยานจนตกจากหลังม้า หลี่หยวนจีได้ทีจึงโก่งเกาทัณฑ์แต่เว่ยชิเห็นก่อนและไวกว่าถูกเกาทัณฑ์ของเว่ยชิจนสิ้นพระชนม์ หลี่ซื่อหมินจึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ให้พระองค์ทรงตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาท อีกสามเดือนจึงสละราชสมบัติให้หลี่ซื่อหมินขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่า ฮ่องเต้ถังไท่จง ด้วยความดีความชอบใหญ่หลวงครั้งนี้เว่ยชิจึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น กง เป็นอู่กง และได้เป็นที่ปรึกษาของฮ่องเต้ แต่เขาเป็นคนซื่อทื่อจึงไม่ค่อยจะลงรอยกับที่ปรึกษาคนอื่น พ.ศ. ๑๑๗๒ ได้รับตำแหน่งข้าหลวงเมืองเซี่ยว มณฑลหูเป่ย และได้รับตำแหน่งข้าหลวงเมืองถง มณฑลส่านซีในปีพ.ศ. ๑๑๗๗ เมื่ออายุได้ ๔๙ ปี ในงานเลี้ยงขุนนางผู้ใหญ่ในวังชิงซาน เว่ยชิกำลังมึนสุราเห็นขุนนางคนหนึ่งชื่อหลี่ต๋าวจงไม่มีผลงานอะไรแต่นั่งในตำแหน่งสูงกว่าเขา เขาจึงโวยวายขึ้น ทำให้ฮ่องเต้ไท่จงกริ้วมาก จึงทรงตักเตือนเขาอย่าได้ทำอย่างนี้อีก เป็นการผิดกฎหมายบ้านเมือง เขาจึงเข็ดหลาบตั้งแต่นั้น ในปีพ.ศ. ๑๑๗๙ ฮ่องเต้ถังไท่จงทรงพระสุบินว่า ปีศาจพญามังกรศีรษะขาดเข้ามาหลอกหลอนทุกคืน ไม่สามารถจะบรรทมให้หลับได้ เสนาบดีท่านหนึ่งได้กราบบังคมทูลให้พระองค์ใช้นายทหารที่มีรูปร่างหน้าตาดุน่ากลัว มาเฝ้าหน้าประตูพระตำหนักในเวลากลางคืน พระองค์ทรงเห็นด้วย จึงทรงโปรดฯให้ฉินฉวน กับ เว่ยชิเจี้ยงเต๋อ แต่งเครื่องแบบชุดนายพลทหารเต็มยศพร้อมอาวุธ ปรากฏว่าผีมังกรศีรษะขาดที่เคยเข้าสุบินก็หายไป ทรงเห็นว่าจะให้นายพลทั้งสองแต่งชุดนายทหารมาเฝ้าทุกคืน ไม่เหมาะสม จึงทรงให้จิตรกรประจำราชสำนักวาดรูปนายพลทั้งสองแบบเต็มตัว แล้วเอาไปปิดไว้ที่บานประตูทั้งสอง ตำนานเรื่องนี้ยังมีกล่าวพิสดารออกไปอีก เกี่ยวกับมังกรกับฮ่องเต้ถังไท่จง คือ จากตำนานกล่าวว่า ยังมีมังกรตนหนึ่ง อาศัยอยู่ที่แม่น้ำจิงเหอ แถบมณฑลกานซู่ในปัจจุบัน เทพมังกรท่านนี้มีเพื่อนอยู่ตนหนึ่ง ชื่อ หยวนโซ่วเฉิง ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น เทพมังกรบอกว่า ตนสามารถหยุดฝนได้ถึงหนึ่งชั่วยาม และสามารถกักน้ำฝนที่จะไม่ให้ตกลงมาได้หนึ่งในสิบส่วน วันต่อมาเป็นจริงดังที่เขาพูด ฝ่ายเว่ยเจิง เสนาบดีฝ่ายกฎหมายประจำราชสำนักถัง ทราบว่าฝนตกลงมาน้อยด้วยสาเหตุของพญามังกรตนนี้ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลเรื่องภูมิอากาศ ให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาลและควบคุมปริมาณน้ำฝน เมื่อเทพมังกรกระทำผิดกฎเช่นนี้ ท่านเว่ยเจิงจึงสั่งประหารชีวิต ด้วยการตัดศีรษะในเวลาบ่ายสามโมงในอีกสามวันข้างหน้า เมื่อเทพมังกรทราบเช่นนั้น จึงเข้าพระสุบินฮ่องเต้ถังไท่จง ขอให้ช่วยตนด้วย ในฐานะที่เว่ยเจิงรับราชการในพระองค์ เพราะเว่ยเจิงได้ประกาศประหารชีวิตไปแล้ว พระองค์จึงทรงรับว่าจะไม่ให้เว่ยเจิงประหาร เมื่อถึงเวลาประหาร พระองค์จึงรับสั่งให้เว่ยเจิงมานั่งเล่นหมากรุกกับพระองค์ แต่ปรากฏว่าเว่ยเจิงงีบไปหน่อยหนึ่งคาโต๊ะหมากรุกพร้อมกับละเมอบ่นพึมพำ พระองค์ทรงพอพระทัยที่เขางีบเสียได้ จะได้ไม่ไปประหารพญามังกร ด้วยทรงเข้าใจว่าเมื่อถึงเวลาที่กำหนด เว่ยเจิงจะต้องเดินออกจากวังไปจับพญามังกรที่แม่น้ำแล้วฆ่าเสีย แต่พอตกดึก ผีพญามังกรศีรษะขาดมาเข้าพระสุบินทวงศีรษะของตนคืนจากพระองค์ แต่พระองค์ตรัสว่าเวลานั้นเว่ยเจิงงีบหลับคาโต๊ะหมากรุก มิได้ออกไปไหน แต่ปีศาจพญามังกรศีรษะขาดไม่ยอมรับฟังที่ทรงรับสั่ง และมาเข้าพระสุบินทวงศีรษะของตนทุกคืน เมื่อเรื่องนี้ทรงตรัสเล่าให้ขุนนางผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้า มีขุนนางผู้หนึ่งคือ เว่ยเจิง กราบทูลว่าให้พระองค์จัดนายพลทหารไปเฝ้าประตูพระตำหนัก ในเวลากลางคืน พระองค์จึงทรงให้นายทหารสองคนคือ ฉินซุเป๋ากับเว่ยชิเจี้ยงเต๋อ พวกเขาจึงแต่งตัวชุดนายพลเต็มยศถืออาวุธครบมือ มายืนเฝ้าพระทวารพระตำหนักทุกคืน จนผีมังกรศีรษะขาดไม่มาเข้าฝันอีกเลย จากตำนานดังกล่าวว่า เว่ยเจิงเมื่อเวลาตื่นจะปฏิบัติหน้าที่ในเมืองมนุษย์ตลอดเวลา แต่หลับเมื่อไร เขาจะลงไปปฏิบัติหน้าที่เป็นเพชฌฆาตในเมืองนรก พ.ศ. ๑๑๘๐ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สูงขึ้นเป็นเอ้อกงแห่งเมืองเซวียน หรือเอ้อเซวียนกง 鄂宣公 มณฑลอานฮุย ในปีพ.ศ. ๑๑๘๖ เมื่ออายุได้ ๕๘ ปี ได้รับพระกรุณาให้ลาออกได้ แต่ต้องมาเข้าเฝ้าวันหนึ่งในห้าวัน ในปีเดียวกันนี้ฮ่องเต้ถังไท่จงรับสั่งให้จิตรกรราชสำนักวาดรูปนายพลผู้ยิ่งใหญ่ ๒๔ คนผู้มีส่วนก่อตั้งราชวงศ์ถัง ประดับไว้ที่พระตำหนักศาลาหลิงเอี๋ยน เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่พวกเขา เว่ยชิเป็นหนึ่งคนในจำนวนนั้น เมื่อเขาอายุครบ ๖๐ ปีในปีพ.ศ. ๑๑๘๘ ในขณะที่ฮ่องเต้กำลังเตรียมจัดทัพไปตีเกาหลี เว่ยชิและเว่ยเจิ้งตลอดจนขุนนางผู้ใหญ่ต่างกราบทูลทัดทาน แต่ไม่ทรงรับฟัง เว่ยชิกราบทูลให้นายพลทั้งหลายยกทัพไปแทนพระองค์ก็ไม่ทรงฟัง ในที่สุดเว่ยชิก็ต้องไปทัพกับพระองค์ด้วย หลังจากกลับมาจากทัพครั้งนั้นแล้ว เว่ยชิจึงกราบถวายบังคมทูลลาออกจากราชการอย่างเต็มตัว กล่าวกันว่าเว่ยชิเริ่มให้ความสนใจ เกี่ยวกับยาอายุวัฒนะตามลัทธิเต๋า โดยเริ่มศึกษามาตั้งแต่พ.ศ. ๑๑๘๕ แล้ว ในปีพ.ศ. ๑๑๙๒ ฮ่องเต้ถังไท่จงเสด็จสวรรคต องค์ชายหลี่จื่อเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ถังเกาจง พ.ศ. ๑๒๐๑ เมื่อเว่ยชิอายุได้ ๗๓ ปี ฮ่องเต้ถังเกาจงทรงยกย่องเชิดชูเว่ยชิ พร้อมกับทรงแต่งตั้งบิดาเว่ยชิ เป็น ผู้บัญชาการทหาร ในปีเดียวกันนี้เว่ยชิเจี้ยงเต๋อก็ถึงแก่อนิจกรรม ตรงกับปีรัชกาลเสี่ยนชิ้งที่ ๓ ฮ่องเต้ถังเกาจงทรงจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่เสมอเจ้า แล้วนำศพไปฝังไว้เคียงข้างหลุมพระศพฮ่องเต้ถังไท่จง
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๑
Title : Yuchi Jingde
: Somboon Kantakian
Credits : Somboon Kantakian
|
|
|