Bookmark and Share Add to Favorites  
สมาชิกเข้าสู่ระบบ
User Name:
Password:
จำการล็อกอินของฉันไว้
ลืมรหัสผ่าน | สมัครสมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
ใสอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้กับเรา
จีนศึกษา
  CHINESE TEXT PROJECT
  STANDARD CHINESE
  เส้นสายลายอักษร
  ลัทธิเต๋า
  รวมเรื่องจีนศึกษา-China Knowledge
  วัฒนธรรมศึกษาจากเว็บต่างๆ
  วัฒนธรรมศึกษาจากภาพ
  พระบรมฉายาลักษณ์ของฮ่องเต้
  มังกรจีนสมัยโบราณ
  มังกรจีนศึกษา
  เลือกเพศให้ลูก
  จีนโบราณจาก บริทิชมิวเซียม
  การเดินทางไกลของเหมาเจ๋อตุง
  จีนในปัจจุบัน
แซ่สกุล
  แซ่ตระกูลที่ใช้กันมาก
  ข้อมูลตระกูลแซ่ต่างๆ
  ประวัติบางแซ่สกุล
  200 แซ่สกุลที่ใช้มาก
  ตระกูลแซ่หลิน
มหาวิทยาลัยชั้นนำ
  BEIJING UNIVERCITY
  Shanghai Jiao Tong University
  Tsinghua University
  Xi'an Jiaotong University
  The Chinese University of Hong Kong
  The University of Hong Kong
  The Hong Kong University of Science and Technology
  Southeast University
  East China Normal University
  Tongji University
  Huazhong University of Science and Technology
  The Hong Kong Polytechnic University
  Tianjin University
  City University of Hong Kong
  Harbin Institute of Technology
  Wuhan University
  China Agricultural University
  Renmin University of China
  Xiamen University
  Fudan University
  Hong Kong Baptist University
  Shandong University
  Nanjing University
  University of Science and Technology of China
  Zhe Jiang University
พิพิธภัณฑ์และหอสมุด
  NATIONAL LIBRARY OF CHINA
  CHINA'S MUSEUMS
  GREAT WALL OF CHINA
  SACRED MOUNTAINS OF CHINA
หนังสือพิมพ์
  ซินหัวไทย
  People's Daily
  Xinhua
  China Daily
  China News
  China .com.cn
  China Youth Daily
เจ - มังสวิรัติ - VEGETARIAN
  เจ-อิ่มบุญ
  พลังบุญ
  เมนูอาหารเจ
  เจทิพย์
  อาหารมังสวิรัติ
  International Vegetarian Union (IVU)
  The Veggie Hub
  Vegetarianism
  A Guide to Vetetarian
  simple-veganista.com/all-recipes
เว็บเครือสมบูรณ์
  สมบูรณ์แก่นโน้ต
  ตระกูลแซ่หลิน
  ภูเก็ตสารสนเทศ
  สมบูรณ์แก่นโน้ต

หันเซียงจื่อ

 

 

 

         หันเซียงจื่อ     ชื่อตนว่า เสียง  แซ่หัน ( ฮั่น )   ชื่อแบบฉบับเฉพาะของตนเองว่า  ชิงฝู  หันเซียงจื่อถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๙ ค่ำ เดือน ๑๑  ตามจันทรคติจีน ณ เมืองหลวงฉางอาน  รัชสมัยฮ่องเต้ถังเต๋อจง ( หลี่กัว )  พ.ศ.  ๑๓๒๓ – ๑๓๔๕  แห่งราชวงศ์ถัง  หันเซียงจื่อเป็นหลานของหันอวี้  ปลัดกรมราชประเพณีแห่งราชสำนักถัง   ในขณะที่เซียงจื่ออายุยังน้อยเพิ่งเป็นหนุ่มแต่เป็นคนมักน้อย ชอบนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียร ไม่ยินดียินร้ายกับตำแหน่งหน้าที่ราชการในการเป็นขุนนางอย่างตระกูลแซ่หัน  ทำให้ลุงหันอวี้ไม่ค่อยพอใจในพฤติกรรมของหลานชายหนุ่มน้อยคนนี้ ที่ประพฤติผิดแปลกไปจากญาติพี่น้องของตนที่ทำราชการมียศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งสิ้น  ซึ่งลุงต้องการให้เขาเรียนวิชาทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น   แต่นี่กลับไปนั่งสมาธิเสีย  เซียงจื่อเคยตอบลุงเขาไปว่า  อุปนิสัยใจคอของคนเราต่างกัน  มีความชอบไม่เหมือนกันแล้วจะให้ประพฤติเหมือนกันได้อย่างไร  ทำให้ลุงของเขาเคืองมาก

 

          วันหนึ่งเซียงจื่อเดินทางท่องเที่ยวไปแสวงหาอาจารย์เพื่อเรียนวิชาการบำเพ็ญพรต  เขาได้พบกับหลิ่วตงปิน จึงได้สมัครเป็นศิษย์และศึกษาเวทมนตร์การบำเพ็ญเพียรจากหลิ่วตงปินจนคล่อง  กล่าวกันว่าขณะที่เขาเดินป่าเห็นลูกท้อผลโตกำลังสุกน่ากิน  เขาจึงปีนขึ้นไปจะเก็บลูกท้อนั้น  บังเอิญกิ่งต้นท้อหักลงมาทั้งคนทั้งกิ่งทับร่างเซียงจื่อ  ปรากฏว่าร่างมนุษย์หายไปกลายเป็นร่างเซียน หันเซียงจื่อจึงเป็นเซียนตั้งแต่วันนั้น  

 

          หันเซียงจื่อจึงเดินทางกลับไปบ้านเพื่อเยี่ยมลุง  และตั้งใจไว้ว่าจะปรับชีวิตจิตใจลุงของตนให้สำเร็จเป็นเซียนให้ได้   บังเอิญในปีนั้นฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล  ทำให้ราษฎรเดือดร้อนกันทั่ว  ฮ่องเต้จึงโปรดเกล้าฯให้หันอวี้ประกอบพิธีขอฝน  หันอวี้ตั้งโรงพิธีขึ้นทำการบวงสรวงเทพยดาเพื่อขอให้ฝนตกหลายครั้ง แต่ฝนก็ยังไม่มีเค้าว่าจะตก  ทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธ กำลังจะปลดออกจากตำแหน่งอยู่แล้ว  เซียงจื่อจึงแปลงร่างเป็นไต้ซือถือป้ายข้อความเดินมาหาหันอวี้  ข้างหันอวี้เห็นไต้ซือมาหาจึงขอให้ช่วยประกอบพิธีขอให้ฝนตกด้วย เพราะตนสุดวิสัยแล้ว  ข้างไต้ซือปลอมจึงตอบตกลงประกอบพิธีเพียงเวลาเล็กน้อยฝนก็ตกลงมาทั่วฟ้า  แต่หันอวี้กล่าวว่าที่ฝนตกลงมามากมายเช่นนี้เป็นการบวงสรวงของตนต่างหาก หาใช่ฝีมือของไต้ซือไม่  ข้างไต้ซือจึงว่า ฝนที่ตกลงมานี้ซึมลึกลงไปใต้พื้นดินถึง ๓ ฟุต ๓ นิ้ว  หันอวี้จึงให้พนักงานขุดลงไปดูแล้ววัดตามที่ไต้ซือบอก  ปรากฏว่าเป็นจริง  หันอวี้จึงเชื่อถือไต้ซือปลอม

 

          วันหนึ่งหันอวี้ได้จัดงานเลี้ยงคล้ายวันเกิดของตนที่บ้าน   เชิญแขกพวกขุนนางเพื่อนฝูงมาเป็นจำนวนมาก  ขณะที่แขกกำลังเสพสุราอาหารอยู่นั้น  หันเซียงจื่อก็เดินเข้าไปในบ้าน   หันอวี้เห็นหน้าก็เกิดความแค้นขึ้นมาที่ตนเคยสั่งให้ไปเรียนหนังสือแล้วไม่เชื่อฟัง  แล้วกลับหายหน้าไปหลายปี  จึงอยากทดสอบหลานชายว่า ที่หายไปนั้นได้ความรู้อะไรมาบ้าง  จึงให้แต่งคำฉันท์ขึ้นมาบทหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคิดของคนแต่งว่าฉลาดโง่เขลาสักปานใด  ข้างเซียงจื่อจึงแต่งโอ้อวดว่าตนมีวิชาอาคมอิทธิฤทธิ์  ต้องการสิ่งใดก็ร่ายมนตร์มาได้ทั้งสิ้น

 

          หันอวี้จึงอนุญาตให้เซียงจื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ตามที่ตนต้องการ  เซียงจื่อจึงเอาไหสุราเปล่ามาวางไว้บนโต๊ะท่ามกลางงานเลี้ยง  แล้วเอาจานทองคำปิดปากไหสุรา  ร่ายมนตร์แล้วเปิดฝาไห  ปรากฏว่ามีสุราอย่างดีเต็มไห  จากนั้นเอากระถางต้นไม้มาใส่ดินวางบนโต๊ะแล้วเอาน้ำรดลงไป  ทันใดนั้นต้นไม้ก็งอกสูงขึ้นเป็นต้นโบตั๋นออกดอกชูช่อเป็นสีเขียวแก่  ที่กลีบใบมีอักษรสีทอง ๑๔ ตัว  เป็นปริศนาคำฉันท์  ๒ บท  แต่หันอวี้อ่านแล้วไม่รู้ความหมาย  ข้อความกล่าวว่า  “เมื่อเมฆมืดมิดปิดภูเขาและหนทาง  จนถึงด่านหนาน   หิมะปกคลุมตัวม้า”  หันเซียงจื่อกล่าวว่า  นิมิตที่ปรากฏนี้เมื่อถึงเวลาก็รู้เอง  บรรดาแขกที่มาในงานก็เห็นด้วย  จากนั้นหันเซียงจื่อจึงลาลุงท่องเที่ยวไปตามป่าเขาตามวิสัยเซียน

 

          ล่วงถึงปีเจวี๋ยนเหอที่  ๑๔  รัชสมัยฮ่องเต้ถังเสวียนจง  พ.ศ.  ๑๓๖๒     ด้วยข่าวว่า  พระเจดีย์เมืองหงษาวดีมีพระพุทธหัตถธาตุ  เมื่อครบ ๑๐ ปีจึงเปิดให้ราษฎรนมัสการครั้งหนึ่ง  ถ้าปีใดเปิดเจดีย์แล้ว  ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชผลอุดมดี  พระองค์จึงทรงมีพระราชสาสน์แต่งทูตไปยังประเทศพม่า  เพื่อยืมพระพุทธหัตถธาตุมาสักการบูชาที่พระราชวังและหมุนเวียนไปตามวัดต่างๆจนครบกำหนดแล้วจึงคืน   ข้างหันอวี้ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลว่า  ไม่สมควรที่จะเอากระดูกนิ้วมือของพระพุทธเจ้ามาบูชา  ควรเอาไปเผาหรือทิ้งลงแม่น้ำเสีย  เพื่อตัดความเคารพเชื่อถือของราษฎรที่กำลังหันเหจากลัทธิเต๋าไปสู่ศาสนาพุทธพระองค์กริ้วมากรับสั่งให้ลงอาญาอย่างหนัก  แต่พวกขุนนางที่เฝ้าแหนต่างกราบทูลขออภัยโทษแทน  ด้วยเห็นว่าหันอวี้เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์  พระองค์จึงลดโทษโดยเนรเทศให้ไปอยู่เมืองทุรกันดารห่างไกลเมืองหลวง คือเมืองเซียวเอี๋ยง  แขวงกว่างตง ( ปัจจุบันคือเมืองกุ้ยเอี๋ยง หรือ กุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว )  

 

          ในขณะนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวหิมะปกคลุมไปทั่ว  หันอวี้ออกเดินทางจากเมืองฉางอาน ต้องขี่ม้าลุยหิมะไป  ในขณะที่ตนอายุก็มากแล้ว  ทั้งม้าทั้งคนต่างอิดโรยหิวโหยหมดแรงด้วยหิมะตกหนักหนามาก  จนม้าหมดกำลังลงไม่สามารถจะเดินต่อไปได้       กำลังจะจมลงไปในกองหิมะเช่นเดียวกับคนขี่  ข้างเซียงจื่อได้ไปคอยรับอยู่ก่อนแล้ว  จึงตรงเข้าไปคารวะลุงหันอวี้  แล้วถามลุงว่ายังจำปริศนาคำฉันท์สองบทนั้นได้หรือไม่  ลุงจึงถามว่าที่นี่เป็นตำบลอะไร เซียงจื่อตอบว่า ที่นี่คือ ด่านหนาน  หันอวี้จึ่งว่า “เคราะห์ดีเคราะห์ร้ายของคนทั้งปวงพระเจ้าบนสวรรค์ได้กำหนดไว้แล้ว  ใครเลยจะหลีกเลี่ยงให้พ้นได้  หากว่ากรรมตามทันก็ประสบผลร้าย  ถ้าหากบุญส่งเสริมก็จะประสบแต่ผลดี  เป็นธรรมดาดุจเงาตามตัว”  แล้วเซียงจื่อจึงพาหันอวี้เข้าไปในเมืองตำบลด่านหนาน  เขาเอายาวิเศษให้ลุงกินหนึ่งเม็ดเพื่อไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วยและแข็งแรงดีสามารถเดินทางไปได้อีกยาวไกล   พร้อมกับกล่าวต่อไปว่า  อีกไม่นานจะได้กลับไปเมืองหลวงแน่นอน  ว่าแล้วหันเซียงจื่อก็ลาลุงกลับไป

 

          ต่อมาคณะเซียนได้ไปรับหันเซียงจื่อพาไปยังเขาหัวซานเพื่อคารวะไท่ซังเล่าจุนเจ้าสำนักเซียน  เพื่อรับการแต่งตั้งเป็นเซียนองค์ที่ ๗ ในนามหันเซียงจื่อ

 

           ในสมัยฮ่องเต้ซ่งเจินจง ( จ้าวเหิง ) ครองราชย์ระหว่างพ.ศ. ๑๕๔๐ – ๑๕๖๕ แห่งราชวงศ์ซ่ง วันหนึ่ง หันเซียงจื่อกำลังเล่นหมากรุกกับหลิ่วตงปินที่หน้าถ้ำซานเต้าตง ภูเขาเผิงไหลซาน ขณะนั้นเกิดหมอกคลุ้งหนาทึบอย่างประหลาด พร้อมด้วยสายริ้วสีแดงเลือดพาดลงมาตามกลีบเมฆเป็นสองสาย หลิ่วตงปินจึงถามว่าตนว่าเกิดอะไรขึ้น

        หันเซียงจื่อจึงบอกว่า เป็นลางบอกเหตุของบ้านเมืองระหว่างฮ่องเต้ซ่งเจินจง กับพระนางเซียวไท่โฮ่วแห่งเมืองไต้เหลียวซึ่งว่าราชการแทนโอรสผู้เป็นฮ่องเต้คือ เซิ่งจง ( เหย่ลิ่วหลงซวี่ )พระชันษาเพียง ๑๒ ปี กำลังจะเข้าสงครามขับเคี่ยวกันเป็นเวลาสองปี ทำให้ราษฎรได้รับความทุกข์ยากเป็นอันมาก ผู้ที่จะแพ้สงครามก็คือพระนางเซียวไท่โฮ่ว หลิ่วตงปินอยากให้ตนไปช่วยจับพระนาง ให้ฮ่องเต้เพื่อราษฎรจะได้ไม่เดือดร้อน แต่หันเซียงจื่อกล่าวว่า ธรรมดาของมนุษย์ได้รบราฆ่าฟันกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วเพื่อรักษาเขตแดนของตน จึงไม่ใช่หน้าที่ของเซียนที่จะไปยุ่งเกี่ยว ว่าแล้วก็ลุกจากไป

 

        ฝ่ายหลิ่วตงปินคิดสงสารพระนางเซียวไท่โฮ่ว จึงให้รุกขเทวดาสถิตอยู่ต้นไม้ใหญ่อายุหมื่นปี ให้ไปช่วยด้วยการมอบตำราให้สามเล่ม เล่มแรกว่าด้วยการดูฤกษ์บนล่างบอกเหตุผลร้ายดี เล่มสองเป็นเรื่องการป้องกันทหารให้พ้นภัยข้าศึก เล่มสามเป็นตำราพิชัยสงคราม รุกขเทวดาจึงแปลงกายเป็นคนเดินทางไปไต้เหลียวเข้าเฝ้าพระนางเซียวไท่โฮ่วแจ้งว่าตนชื่อเจงงัน อาสาเข้ารบกับกองทัพเมืองเปียนเหลียง โดยมีหลี่แคะหรือหลิ่วตงปินปลอมมาช่วย แล้วจัดการแต่งค่ายกล ๗๒ ค่าย ฝ่ายเมืองเปียนเหลียงได้เจงเต้าซือมาช่วยตีค่ายกลแตก เจงงันเห็นเจงเต้าซือคือหันเซียงจื่อจึงบอกให้หลิ่วตงปินทราบ หลิ่วตงปินขอโทษ แล้วชวนกันกลับไปยังภูเขาเผิงไหลซาน   

 

      โป๊ยเซียนเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย  หันเซียงจื่อเป็นเซียนแห่งการพยากรณ์  ผู้หยั่งรู้ และการดนตรี

 

 

 

               :  สมบูรณ์ แก่นตะเคียน     ๑๘  มกราคม   ๒๕๕๐

 

 

 

Title       :  Han Xiang  Zi  :  One of the Eight Immortals.

 

 

              :  Somboon Kantakian

 

 

Revised :  31/08/2008     

 

         

                

 

บทความอื่นๆ ในหมวดเดียวกัน