|
หลันไช่เหอ
ประวัติของท่านแทบจะไม่มีรายละเอียดอะไรเลย ตามตำนานลัทธิเต๋า ถือเอา วันที่ ๒๕ ค่ำ เดือน ๖ ตามจันทรคติจีน เป็นวันกำเนิด เมื่อพิเคราะห์ดูจากคำกล่าวของท่านผู้เฒ่าและของเหอเซียนกู่แล้ว หลันไช่เหอน่าจะถือกำเนิดระหว่าง พ.ศ. ๑๑๖๑ - ๑๑๗๕ เป็นสมัยราชวงศ์ถังตอนต้น เมื่อท่านอายุได้ ๑๔ ปี ได้รับประทานผลไม้วิเศษเข้าไป จึงทำให้หน้าตาผิวพรรณ คงอยู่แบบนั้นตลอดกาล แม้แต่ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นเพศหญิงหรือชายก็ไม่ปรากฏชัดเจน แต่ตามลัทธิเต๋าถือว่าเป็นเพศชาย
หลันไช่เหอสวมกางเกงสีน้ำเงินขาดกะรุ่งกะริ่ง มีผ้ารัดเอวสีดำ รองเท้าก็มีข้างเดียว ชอบถือตะกร้าใส่ดอกไม้หรือผลไม้ มีกรับยาวถึงสามฟุตเศษ ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆเป็น วณิพก คือ ร้องรำทำเพลงตามที่สาธารณะ คนผ่านไปมาฟังเพลงและดูการตีกรับ เพลงที่ร้องดีกว่าของคนอื่นๆตรงที่เป็นสุภาษิต บางตำนานว่าท่านเป่าขลุ่ยด้วย เมื่อได้เงินมาสักกี่อีแปะก็เอาไปซื้อสุรามาเสพ แล้วร้องรำทำเพลงต่อไป บางครั้งเงินที่ได้มาจะเอามาร้อยเป็นพวง แล้ววิ่งไปตามถนน เงินจะตกหล่นอย่างไรไม่นำพา นอกจากการเป็นวณิพกแล้ว หลันไช่เหอยังขายยาสมุนไพรอีกด้วย
เมื่อถึงหน้าฤดูร้อน หลันไช่เหอจะใส่เสื้อหนาเป็นเสื้อชั้นใน แดดร้อนอย่างไรก็ไม่มีเหงื่อออกมา ในช่วงฤดูหนาวมีหิมะโปรยปราย ไช่เหอจะใส่เพียงเสื้อชั้นเดียว แต่เวลาพูดจะมีไออกมาเหมือนน้ำร้อน
วันหนึ่ง หลันไช่เหอดึ่มสุราแล้วร้องรำทำเพลงไปตามถนน มีคนดูเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีท่านผู้เฒ่าคนหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อตนยังเป็นเด็กอยู่ เห็นหลันไช่เหอ และต่อๆมาก็พบปะเขาเสมอ แต่หน้าตารูปร่างของหลันไช่เหอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นแบบนั้นมาตลอด จนบัดนี้ตนแก่เฒ่า ผมและหนวดเคราขาวหมดแล้ว แต่ร่างกายของหลันไช่เหอยังเหมือนเดิมทุกส่วน เสื้อผ้าสีน้ำเงินที่ขาดกะรุ่งกะริ่ง รองเท้าที่ใส่ข้างเดียวก็ยังเหมือนเดิม ดูเหมือนจะเป็นชุดที่ใส่แต่ครั้งกระโน้น
ครั้นต่อมา หลันไช่เหอได้ไปที่ตำบลแห่งหนึ่ง ได้พบกับหลี่ทิก้วย เซียนอีกองค์หนึ่ง ท่านทั้งสองได้สนทนากัน ตามประสาเซียน
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่หลันไช่เหอนั่งเสพสุราอยู่ที่บนสะพานข้ามคูเมือง ได้ยินเสียงดีดสีตีเป่ามาจากบนสวรรค์ อย่างไพเราะจับใจ ผู้คนที่เดินทางไปมาต่างหยุดฟังเสียงดนตรีด้วยความฉงนกันแทบทุกคน หลันไช่เหอโยนกรับขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นกรับคู่นั้นกลายเป็นนกกระเรียนบินลงมายืนต่อหน้าเขา หลันไช่เหอขึ้นขี่นกกระเรียนเหาะขึ้นสวรรค์ไปทันที เมื่อคนเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่หลันไช่เหอเป็นขาประจำ ต่างก็เห็นเสื้อผ้าชุดเดิมกองอยู่ ในไม่ช้าของกองนั้นก็กลับกลายเป็นหยกหายไปจนหมดสิ้น หลันไช่เหอได้สำเร็จเป็นเซียน เข้าคณะแปดเซียน หรือโป๊ยเซียน เป็นองค์ที่ห้า
รัชสมัยสมเด็จพระนางอู่เจ๋อเทียน (บูเช็กเทียน ) แห่งราชวงศ์ถัง พ.ศ. ๑๒๓๓ - ๑๒๔๘ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ เซียงหรือเหอซื่อ เป็นบุตรสาวของ เหอซู อยู่ตำบลหนินหลิง อำเภอหยงหรือจงเซี่ย แขวงกว่างตง นางฝันว่า มีเทพมาบอกให้กินแป้งไมคา( ฮุนบ้อ ) จะทำให้ร่างกายเบา และไม่ตาย นางจึงกิน และทำให้ร่างกายเบาจริง นางจึงถือศีลกินเจเสมอมา
อยู่มาวันหนึ่ง หลี่ทิก้วย กับ หลันไช่เหอ พบกับเหอเซียง ที่ฝั่งแม่น้ำตำบลหนินหลิง เซียนทั้งสองได้สอนวิธีบำเพ็ญเพียรเพื่อให้สำเร็จเป็นเซียน จนในที่สุดเธอก็ได้สำเร็จเป็นเซียน ท่านเซียนทั้งสองได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า เหอเซียนกู่ กล่าวกันว่า มีคนเห็นเหอเซียนกู่เหาะอยู่เหนือโรงเจมั่วโกว ระหว่าง พ.ศ. ๑๓๐๙ - ๑๓๒๑ เหอเซียนกู่ เป็นเซียนองค์ที่ ๖ และถือว่าเป็นศิษย์ของหลันไช่เหอด้วย
โป๊ยเซียนเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย หลันไช่เหอเป็นเซียนแห่งมวลบุปผาชาติและความอุดมสมบูรณ์
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
Title : Lan Cai He : One of the Eight Immortals
: Somboon Kantakian
|
|
|