|
เหอเซียนกู่
เหอเซียนกู่ หรือ ฮ่อเซียนโกว นามเดิมว่า เชียง แซ่เหอ บิดาชื่อ เหอซู นางถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ ตามจันทรคติจีน เมื่อ พ.ศ. ๑๒๔๓ ณ ตำบลหนินหลิง อำเภอหยง แขวงเมืองกว่างตง บางตำนานว่าอาศัยอยู่แถบตำบลหยุนมู่ซี อำเภอเจิ้งเฉิง แขวงกว่างตง ในปีจิ่วซื่อ รัชสมัยพระนางอู่เจ๋อเทียน ( บูเช็กเทียน ) แห่งราชวงศ์ถัง เสวยราชย์ พ.ศ. ๑๒๒๗ ๑๒๔๘
กล่าวกันว่า เหอเซียนกู่มีนิสัยอ่อนโยน ร่าเริง ชอบอยู่อย่างสงบ นางช่วยบิดามารดาเก็บใบชาที่ไร่ชาของบิดาที่ปลูกไว้บนเนินเขา วันหนึ่งเธอได้พบกับเซียนหลิ่วตงปินที่ไร่ชาและได้คุยสนทนากัน เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน กลางคืนฝันว่า มีไต้ซือองค์หนึ่งมาบอกให้กินผงไมคา ซึ่งเป็นผงแร่ชนิดหนึ่งแวววาวคล้ายกระจก ไต้ซือกล่าวว่าหากกินผงนี้เข้าไปแล้วจะทำให้เนื้อตัวเบา ไม่เจ็บไม่ไข้ และสามารถเดินเหินได้รวดเร็วเหมือนเหาะ เมื่อเธอตื่นขึ้นจึงคิดว่าเทวดาคงมาโปรดแน่นอน เธอจึงกินแป้งผงดังกล่าว หลังจากนั้นได้ผลคือทำให้ตัวเบา ทำงานได้คล่องแคล่วว่องไวกว่าเดิมมาก สามารถเดินได้เหมือนเหาะ ซึ่งขณะที่เธอมีอายุได้ ๑๓ ปี ข้างบิดามารดาเห็นว่าเธอโตเป็นสาวแล้วสมควรที่จะมีครอบครัวตามประเพณี หากใครมาสู่ขอก็จะยกให้ทันที เมื่อเธอทราบดังนั้น จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า จะขอเป็นสาวโสดตลอดชีวิต และเริ่มกินอาหารเจ บิดามารดาก็ไม่ได้บังคับแต่ประการใด อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า เหอเซียนกู่เป็นธิดาเจ้าของร้านขายของชำที่ตำบลหลิงหลิง แขวงหูหนาน แห่งราชวงศ์ถัง ได้ขึ้นภูเขาไปเก็บสมุนไพรพบกับหลิ่วตงปิน เขาได้ให้ลูกท้อแก่เธอ แล้วบอกว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วจะได้เป็นเซียน
เย็นวันหนึ่งที่ฝั่งแม่น้ำในตำบลหนินหลิง หลี่ทิก้วยกับหลันไช่เหอได้เหาะผ่านมาและเข้าไปสนทนากับเธอ เซียนทั้งสองต่างแนะนำการปฏิบัติสมาธิวิธีการบำเพ็ญเพียรตลอดจนเวทมนตร์ต่างๆให้แก่เธอ ในช่วงที่เธอไปเก็บใบชาบนภูเขาหรือเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆบนภูเขาแถบนั้นซึ่งใช้เวลาเดินทางไปกลับอย่างรวดเร็วแบบเซียน และยังได้เก็บผลไม้ในป่ามาฝากมารดาทุกครั้ง จนมารดาสงสัยว่าไปเอาผลไม้เหล่านั้นมาจากที่ใด แล้วเธอก็เล่าให้ฟังตามที่ได้ศึกษาวิชาเซียนกับอาจารย์ทั้งสอง จนในที่สุดเธอก็สำเร็จเป็นเซียนเมื่ออายุได้เพียง ๑๔ ปีเท่านั้น เมื่อ พ.ศ. ๑๒๕๗ ทำให้พฤติกรรมของเธอเปลี่ยนไป คือ มีความรู้ลุ่มลึก พูดจาฉะฉานมีเหตุผล มีความสง่านุ่มนวล ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยเวทมนตร์และการพยากรณ์ได้แม่นยำ ทำให้คนทั้งตำบลและอำเภอต่างกล่าวขานกันถึงความเป็นผู้วิเศษของเธอ กิตติศัพท์เล่าลือไปถึงเมืองหลวงฉางอาน จนทรงทราบถึงพระกรรณพระนางอู่เจ๋อเทียน พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ข้าหลวงไปเชิญมาเฝ้า เธอก็มิได้ว่ากระไร แต่พอมาถึงกลางทางปรากฏว่าเธอหายตัวไป พวกขุนนางทหารต่างพยายามหาแต่ก็ไม่พบ จึงกลับไปกราบทูลให้ทรงทราบ
ในปีเอวี๋ยนเหอ รัชสมัยฮ่องเต้ถังเสวียนจง ( หลี่ฉุน ) พ.ศ. ๑๒๕๐ ๑๒๕๓ ได้มีคนเห็นเซียนหลี่ทิก้วยกับหลันไช่เหอพาเหอเซียนกู่ขี่เมฆเหาะไปเข้าเฝ้าไท่ซังเล่าจุนที่เขาหัวซาน เพื่อรับการแต่งตั้งเป็นเซียนองค์ที่ ๖ ในนามว่า เหอเซียนกู่ ต่อมามีคนเห็นเธอขี่เมฆห้าสีเหาะอยู่เหนือโรงเจ
ในปี พ.ศ. ๑๓๐๙ ๑๓๒๑ ปีต้าลี่ รัชสมัยฮ่องเต้ถังไต้จง ( หลี่อิ้ว ) ได้มีคนเห็นเหอเซียนกู่ที่โรงเจ เมืองกว่างโจว ต่างก็รีบไปแจ้งเจ้าเมือง เมื่อมาถึงปรากฏว่าเธอได้หายไปเสียแล้ว ข้าหลวงจึงทำเรื่องกราบบังคมทูลรายงานให้ทรงทราบ สำหรับภาพของเหอเซียนกู่เป็นรูปหญิงสาวสวยถือดอกบัว
โป๊ยเซียนเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย เหอเซียนกู่เป็นเซียนแห่งความดีงาม ความซื่อสัตย์ กตัญญู เกษตรกรรม
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๑๗ มกราคม ๒๕๕๐
Title : He Xuan Gu : One of the Eight Immortals
: Somboon Kantakian
|
|
|