|
เฮ่ยไป่อู่ฉาง 黑白無常
เฮ่ยไป่อู่ฉาง 黑白無常 เป็นยมทูตที่เรียกควบคู่กันสององค์ คือองค์แรกเรียกว่า เทพเฮ่ยอู่ฉาง 黑無常 กับเทพไป๋อู่ฉาง 白無常 หรือ นายพลเชี่ยกับนายพลฟ่าน หรือ ชิเหยีย ฉีดเอี๋ย ลุงเจ็ด กับ ปาเหยีย หรือ แปะ(โป่ย)เอี๋ย ลุงแปด หรือ ต้าเหยียปั๋ว กับเอ้อเหยียปั๋ว ยมทูตทั้งสององค์มีเครื่องแต่งกายและบุคลิกที่สังเกตได้ง่าย คือ เฮ่ยอู่ฉางสวมเสื้อชุดดำ สวมหมวกกรวยทรงสูงสีดำ มีข้อความว่า ใครพบข้า ความตายมาเยือน ใบหน้าขาว แลบลิ้นยาวสีแดงถึงหน้าอกสะดือ มือถือสายโซ่ หน้าตาดุดัน คอยจับดวงวิญญาณที่สิ้นอายุขัย วิญญาณพวกนั้นสมัยเป็นคนจิตใจโหดร้าย ทำบาป ชั่วช้า แข็งกระด้าง ดื้อดึง ฯลฯ เทพเฮ่ยอู่ฉางจึงใช้โซ่มัดลากไปนรก เพื่อขึ้นศาลรับโทษ ส่วนเทพไป๋อู่ฉาง ทรงเสื้อชุดสีขาว สวมหมวกกรวยทรงสูงสีขาว มีข้อความว่า ใครพบข้า โชคดี หน้าตาไม่ดุดัน แลบลิ้นสีแดงยาวถึงหน้าอกสะดือ มีหน้าที่รับดวงวิญญาณที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ถือธรรมะเป็นนิจ ปฏิบัติกิจประจำวันด้วยชอบ ไป๋อู่ฉางจึงเชิญดวงวิญญาณเหล่านั้นไปรับการพิจารณาจากศาลในนรก เพื่อจะได้เดินข้ามสะพานทองคำ ไปสู่ดินแดนสุขาวดีตะวันตกหรือข้ามสะพานเงินสู่สวรรค์แดนใต้ ตามบุญกรรมที่ได้กระทำไว้ ตามตำนานกล่าวว่า ยมทูตทั้งสองเดิมเป็นคนธรรมดา เป็นพี่น้องกัน คนหนึ่งผิวขาว ผอมสูง ชื่อ เชี่ยปี่อ้าน 謝必安 หรือ ชิเหยีย หรือ ลุงเจ็ด ส่วนอีกคนหนึ่งผิวคล้ำอ้วนเตี้ย ชื่อ ฟ่านอู่จิ้ว 范無救 หรือ ปาเหยีย หรือ ลุงแปด นิสัยเหมือนกัน คือ ชอบเล่นการพนันตั้งแต่หนุ่ม การงานไม่ยอมทำ จนบิดามารดาเอือมระอา ไล่ออกจากบ้านให้ไปหากินเอง ทั้งสองจึงเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่น ตามถนนหนทาง แล้ววันหนึ่งพี่น้องทั้งสองหันมาปรึกษากันว่า เราจะปล่อยชีวิตให้ไร้ค่าอย่างนี้ต่อไปละหรือ ในเมื่อร่างกายก็แข็งแรง ทั้งสองตกลงไปสมัครเป็นผู้คุม ทำงานในเรือนจำ วันหนึ่งผู้คุมให้ทั้งสองพี่น้องคุมนักโทษประหารไปต่างเมือง ฝ่ายนักโทษคนหนึ่ง จึงหันไปอ้อนวอนลุงแปดว่า ขอให้ตนได้ไปสั่งเสียครอบครัวสักชั่วครู่ ขอให้ผู้คุมปล่อยเถิด ตนจะไม่หนีไปไหน จะกลับมาโดยเร็ว นักโทษอ้อนวอนร้องไห้คร่ำครวญ จนลุงแปดต้องปรึกษาพี่เจ็ด แต่พี่เจ็ดไม่เห็นด้วย ปล่อยไปแล้วอย่าหวังว่าเขาจะกลับมา ฝ่ายลุงแปดจึงว่า นักโทษรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะกลับมาแน่ ถ้าหากเขาไม่มา ตนจะรับผิดชอบเอง ลุงเจ็ดไม่ได้ว่าอะไร ลุงแปดจึงปล่อยนักโทษประหารไป ทั้งสองรอจนมืดค่ำ นักโทษประหารไม่มาตามนัด เสมือนปล่อยเสือเข้าป่า ทั้งสองพี่น้องจึงต้องเข้าคุกแทน ฝ่ายลุงเจ็ดกล่าวว่า เขาต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกัน ถ้าหากเขาตายไป เขาจะขจัดนิสัยไม่ดีทิ้ง จะตั้งใจสั่งสอนคนให้เป็นคนดี ว่าแล้วในคืนนั้นลุงเจ็ดจึงใช้เชือกผูกคอแขวนคอตายในคุกนั่นเอง ข้างลุงแปดเมื่อพี่ชายตายเพราะความผิดของตนเองแท้ๆ จึงต้องรับผิดด้วย เพราะตนเป็นคนก่อเรื่องขึ้น ว่าแล้วจึงกระโจนเอาศีรษะชนผนังห้องขังตายตามพี่ชาย ดวงวิญญาณทั้งสองจึงเร่ร่อนไปตามยถากรรม ไม่มีผู้ใดเซ่นไหว้ให้กิน จนถึงเจ็ดวัน ฝ่ายแหยนหลาวหวาง ท่านเปาแห่งเมืองนรก เห็นดังนั้น จึงทรงเรียกดวงวิญญาณทั้งสองมาหา ทรงเห็นว่าเมื่อมีชีวิตอยู่ เป็นผู้คุมนักโทษ เมื่อเป็นผีไปแล้วยังตั้งใจที่จะสั่งสอนคนให้เป็นคนดี จึงทรงตั้งทั้งสองตนให้เป็นยมทูต คอยนำดวงวิญญาณลงนรกเพื่อฟังคำพิพากษารับโทษหรือรับรางวัล ทรงเห็นว่า ตนหนึ่งผิวขาวผอมสูง อีกตนหนึ่งผิวดำอ้วนเตี้ย จึงทรงตั้งให้ว่า เฮ่ยอู่ฉาง กับไป๋อู่ฉาง แต่มักเรียกรวมกันว่า เฮ่ยไป่อู่ฉาง บางตำนานกล่าวว่า มิได้เกี่ยวกับผิวขาวดำอะไรหรอก แต่หมายถึง หยิน คือ สีดำ กับ หยาง คือ สีขาว แต่บางตำนานกล่าวว่า ทั้งสองเป็นผู้คุมขณะที่เคลื่อนย้ายนักโทษ มีนักโทษคนหนึ่งหลบหนี ทั้งสองจึงออกติดตาม และตกลงกันว่าให้ไปพบกันที่ใต้สะพานนั้น ฝ่ายฟ่านกลับมาถึงสะพานก่อนนั่งรอใต้สะพาน ในขณะที่ฝนตกใหญ่ เขารอเชี่ยก็ไม่มาตามนัด เวลาก็ล่วงเลยไปมากแล้ว ขณะนั้นน้ำหลากมาอย่างรวดเร็ว ฟ่านถูกน้ำพัดพาจนจมน้ำตาย เมื่อเชี่ยมาพบเข้า เขาเสียใจมาก จึงผูกคอตายตามฟ่าน ฝ่ายหยกอ๋องส่องเต่ ทรงเห็นว่าคนทั้งสองมีความซื่อสัตย์ต่อกันและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จึงทรงยกย่องให้เป็นเทพเจ้า ผู้จับดวงวิญญาณไปสู่เมืองนรก คำว่า เชี่ยปี่อ้าน หมายถึง หากใครบูชาเทพเจ้า ผู้นั้นจะได้รับความปลอดภัย ส่วนคำว่า ฟ่านอู่จิ้ว หมายถึง ใครที่กระทำแต่ความผิด จะไม่ได้รับความปลอดภัย ต่อมาชาวบ้านจึงให้ความยกย่องและกลัวเกรงไปด้วย จึงต้องเซ่นไหว้ โดยออกชื่อเรียกว่า ต้าเหยียปั๋ว กับ เอ้อเหยียปั๋ว
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓
Title : Hei Bai Wu Chang 黑白五常
: Somboon Kantakian
|
|
|