|
ซุนอู้กง 孫悟空
ซุนอู้กง 孫悟空 , 孙悟空 มีชื่อเรียกมากมายหลายชื่อ เช่น ซุนหงอหุง สือโหว ปี้หม่าเหวิน ฉีเทียนต้าเซิ่ง สิงเจ่อ โต้วเจี้ยนเซิ่งฝัว ก่าวเฉ่เทียน ก่าวเต่เทียน ม่าเฉาจิง ซันโอกง ตันโงกง ซันโกกิ ซุนโกกง อู่กุงซุน เฮ่งเจีย เป็นพญาวานรผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในการติดตามพระถังซัมจั๋ง ผู้เดินทางไปสืบพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. ๑๑๗๒ - ๑๑๘๘ จากหนังสือเทพนิยาย ชื่อ การเดินทางไปภูมิภาคตะวันตก หรือ ไซอิ๋ว แต่งโดยอู่เฉิงเอิน ( ... ๒๑๓๓ ) ซุนอู้กงถือกำเนิดจากครอบครัวลิงจากก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ที่เกาะลิงชื่อ ฮัวกั่วซาน หรือ ภูเขาดอกไม้ผลไม้ เขาเป็นลิงที่ฉลาดกว่าบรรดาลิงทั้งปวง วันหนึ่งจึงชวนพวกลิงกระโดดโหนเถาวัลย์ไปจนถึงหน้าผาน้ำตกแห่งหนึ่งที่มีน้ำตกลงมาเป็นม่านหมอก หลังม่านน้ำตกเป็นถ้ำเรียกว่า สุ่ยเหลียนต้ง หรือ ถ้ำม่านน้ำตก บรรดาลิงทั้งหลายอยากเข้าไปเที่ยวในถ้ำ ซึ่งต้องผ่านม่านน้ำตกเข้าไป แต่ไม่มีลิงตัวใดกล้า พวกลิงจึงว่า ถ้าใครเข้าไปได้จะยกให้เป็นหัวหน้า ซุนอู่กงจึงรับอาสากระโดดผ่านม่านน้ำตกเข้าไปในถ้ำ แล้วชวนพวกลิงเข้าไป เขาจึงได้เป็นลิงจ่าฝูงตั้งแต่นั้นมา และพวกลิงยกย่องให้เป็น เหม่ยโหวหวาง หรือ ราชาลิงหนุ่มสุดหล่อ เหม่ยโหวหวางก็เช่นเดียวกับลิงตัวอื่นคือ กลัวว่าสักวันตนต้องตายแน่นอน จึงนั่งซึมเศร้าอยู่ พวกลิงอาวุโสจึงแนะนำว่า ถ้าไม่อยากตายขอให้ไปเรียนวิชาการเป็นอมตะ เขาจึงเดินทางไปตามย่านน่านน้ำทะเลต่างๆ แล้วเดินทางไปตามภูเขาเพื่อแสวงหาครูที่จะสอนเขาให้เป็นอมตะ เขาเดินทางไปยังแคว้นหนิ่วเหอตะวันตกก็ไม่พบใครที่จะสอนได้ เมื่อเดินทางเข้าป่าเห็นภูเขาสูงตระหง่านเสียดฟ้า จึงเสมือนถูกบังคับให้ปีนขึ้นไป เมื่อถึงยอดเขาเมฆหมอกลอย เห็นปากถ้ำมีประตูปิด เหนือประตูเขียนข้อความว่า ถ้ำพระจันทร์เสี้ยวตรีดารา เขาจึงตรงเข้าไปเคาะประตูปากถ้ำ เทพธิดาองค์หนึ่งจึงเปิดประตูให้เขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่ มีนักพรตผูถี เป็นอาจารย์ รายล้อมด้วยบรรดาศิษย์ชายหญิงหลายคน เมื่ออาจารย์เห็นเป็นลิงค่อนข้างฉลาด เรียบร้อยดี จึงถามชื่อแซ่ เขาบอกไม่มี นักพรตจึงตั้งชื่อว่า ซุนอู้กง คำว่าอู้กงหมายถึง ผู้ตื่นจากความว่าง อู้กงจึงปฏิบัติตนเช่นเดียวกับนักเรียนใหม่ คือ ต้องหาบน้ำทำครัวกวาดพื้นเช็ดโต๊ะตั่งหน้าแท่นที่บูชาทุกวัน ตลอดจนดูแลอาจารย์ เป็นเวลาหลายเดือน นักพรตจึงสอนการปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิ การฝึกวิทยายุทธจนชำนาญ จนถึงขั้นสูงสุด เขาต้องการฝึกการแปลงร่างให้เป็นตามที่ต้องการ นักพรตบอกว่า วิชาการแปลงร่างมีสองแบบ คือ แบบในเมืองมนุษย์ ซึ่งสามารถแปลงได้ ๗๒ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของต่างๆ อีกแบบหนึ่งคือ แบบเทพเจ้ามี ๓๖ แบบ เขาเลือกเอาแบบในโลกมนุษย์ เขาอยากเรียนการเรียกเมฆด้วยที่เรียกว่า จินโต่วอวิ๋น ซึ่งผู้สำเร็จชั้นนี้สามารถเหาะไปได้รวดเร็ว ๑๘๐,๐๐๐ ลี้หรือ ๙๐,๐๐๐ กิโลเมตรภายในพริบตา นักพรตจึงสอนให้พร้อมคาถากำกับ นอกจากนี้พระกวนอิมโพธิสัตว์ยังทรงมอบพระเกสาสามเส้น ที่สามารถช่วยยามคับขันให้ด้วย ส่วนขนบนลำตัวของอู้กงแต่ละเส้น สามารถที่จะเสกเป็นอะไรก็ได้ตามที่ตนต้องการ เมื่อตนได้ของวิเศษมากมายเช่นนี้ จึงลำพองใจแสดงศักดาไม่เกรงกลัวผู้ใด ทำให้นักพรตผูถีผู้เป็นอาจารย์หนักใจมาก จึงเรียกเขามาสั่งว่า ห้ามบอกใครว่าตนเป็นอาจารย์สอนให้เขา อู้กงจึงลานักพรตมายังวังของตน ปรากฏว่ามีพวกปีศาจร้ายเข้าทำร้ายพวกลิง เขาจึงปราบเสียราบคาบแล้วเข้ายังวังม่านน้ำตก พวกสมุนลิงต่างเอาใจเลี้ยงดู แล้วทำการฝึกฝนการใช้อาวุธชนิดต่างๆให้พวกลิง จนวันหนึ่งตนคิดอยากได้อาวุธวิเศษ ไม่รู้จะไปหาได้ที่ไหน พวกลิงอาวุโสจึงแนะนำให้ไปหาตงไห่หลงหวางหรือ อ้าวก่วง พญามังกรใต้บาดาลที่วังอัญมณี ซึ่งอยู่ติดใกล้กับวังม่านน้ำตกนี่เอง อู้กงจึงเสกคาถาดำน้ำลงไปที่วังบาดาล พบกับทหารประจำประตู ตนจึงแสดงตัวว่าเป็นใคร แล้วไปเข้าเฝ้าพญามังกร แสดงอิทธิฤทธิ์จนพญามังกรเกรงกลัว จำต้องพาไปห้องอาวุธวิเศษให้เขาได้เลือกใช้ตามต้องการ เช่น เหล็กสามง่ามหนัก ๓๖๐๐ จิน เขาบอกเบาไป ทดลองขวานโบราณหนัก ๗๒๐๐ จินเขาก็ว่าเบาไป พระองค์จึงตรัสว่าไม่มีที่หนักกว่านี้อีกแล้ว ข้างพระมเหสีของตงไห่หลงหวางจึงกราบทูลว่า ทำไมไม่ให้เขาเอาที่วัดระดับน้ำที่ปักอยู่ในวังให้เขาไป ที่วัดระดับน้ำอันนี้เป็นท่อนเหล็กขนาดใหญ่ยาว ๒๐ ฟุต หนัก ๑๓,๕๐๐ จิน หรือ ๖,๗๕๐ กิโลกรัม เป็นสมบัติของพระเจ้าต้าอวี่ สำหรับวัดระดับน้ำในช่วงฤดูน้ำท่วมใหญ่ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต ท่อนเหล็กอันนี้ได้หายไปปักอยู่ใต้บาดาลวังของพญามังกร ตงไห่หลงหวางจึงนำอู้กงไปยังท่อนเหล็กดังกล่าว เขาจึงตรงเข้าไปใกล้ปรากฏว่าเรืองแสงออกมาทันที เขาจับดึงออกมาได้ง่ายดาย ทำให้น้ำทะเลปั่นป่วน เขาจึงเสกให้เล็กลงเหลือ ๒ ฟุตท่อนเหล็กนี้มีปลอกทองคำสวมทั้งสองด้านพร้อมจารึกข้อความบอกน้ำหนัก ๑๓,๕๐๐ จินและมีห่วงเล็กๆอยู่ปลายทั้งสองด้วย กระบองหรือไม้พลองนี้เรียกว่า หรูอี้จิงถูปั้ง หรือ จิงถูปั้ง เวลาไม่ใช้เขาจะเสกให้เท่าเข็มเย็บผ้าแล้วเอาเหน็บไว้ที่กกหู และสามารถที่จะเสกให้เป็นอะไรก็ได้ เมื่อได้ของที่ต้องใจแล้ว ก่อนกลับเหลือบไปเห็นชุดเสื้อเกราะทองคำนักรบชั้นนายพล จึงเอามาสวมใส่ เห็นรองเท้าวิเศษสวมแล้วเหาะได้ หมวกนักรบปักด้วยขนหางไก่ฟ้าสีทองคู่หนึ่ง เขาทูลลาตงไห่หลงหวางกลับไปวังม่านน้ำตก พวกสมุนลิงต่างพากันดีใจ ที่ราชาของตนมีรูปลักษณ์ใหม่ อู้กงจึงแสดงฤทธิ์ของกระบองเสกให้ใหญ่เท่าเดิมเสียดฟ้าถึงสวรรค์ปักลงดินจนถึงเมืองนรก แล้วเขาเมาแอ่นนอนหลับอยู่ใต้โคนต้นสน ฝันเห็นสองภูตนรกเข้ามาจับมัดลากไปนรก เขาโกรธมากบอกอย่างไรพวกเขาไม่ฟัง จึงหยิบเอาไม้พลองวิเศษออกมาไล่ตีพวกภูตหนีกระเจิง เขาจึงตรงไปเฝ้าเจ้านรกผู้บันทึกรายชื่อคนเป็นและคนตาย คือ อวิ๋นหลัวหวาง แล้วดูชื่อของตนบอกว่ามีอายุ ๓๔๒ ปี แต่ไม่ได้บันทึกหลังจากที่เขาเป็นอมตะแล้ว จึงเอาพู่กันขีดชื่อเขาและพวกสมุนลิงทิ้ง แล้วเหาะกลับเมืองม่านน้ำตก ฝ่ายตงไห่หลงหวางเจ้าทะเลฝ่ายตะวันออก กับอวิ๋นหลัวหวางเจ้านรกจึงเสด็จขึ้นไปฟ้ององค์อิ้วหวางต้าตี้ พระองค์จึงรับสั่งให้จินซิงหวางลงไปเมืองมนุษย์ จับอู้กงขึ้นมาเข้าเฝ้า พระองค์จึงพระราชทานตำแหน่ง ปี้หม่าเหวิน ผู้ดูแลเลี้ยงม้าบนสวรรค์ ซึ่งเป็นตำแหน่งชั้นต่ำสุดเท่าๆกับหัวหน้าคนรับใช้ แต่อู้กงไม่ทราบ วันหนึ่งขณะร่วมวงกับเพื่อนชาวสวรรค์ด้วยกัน เพื่อนจึงบอกความจริงให้ฟัง อู้กงโกรธมาก จึงอาละวาดไปทั่วสวรรค์แล้วกลับไปอยู่ที่ภูเขาฮัวกั่วซานตามเดิม ข้างสมุนลิงกล่าวว่าเขาหายไปถึง ๑๐ ปี จึงกลับมาเป็นราชาวานรตามเดิม ฝ่ายอิ้วหวางต้าตี้ทรงทราบจึงรับสั่งให้ หลี่จิ้งบิดาหลี่โลเชียพร้อมด้วยกองทหารยกลงไปจับเอาอู้กงมาทำโทษให้ได้ ทั้งสองพ่อลูกจึงยกทัพลงไปถึงเมืองฮัวกั่วซาน เข้ารบกับอู้กง ปรากฏว่าสู้อู้กงไม่ได้จึงหนีกลับสวรรค์ รายงานให้องค์อิ้วหวางต้าตี้ทรงทราบ ถึงสาเหตุที่อู้กงโกรธ พระองค์จึงพระราชทานตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ให้ใหม่เป็น เทพนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ พร้อมรับสั่งให้เนรมิตที่พักให้ด้วย พร้อมกับมอบหน้าที่ให้ดูแลตรวจตราสวนท้อวิเศษของพระนางหนิ่ววาซื่อ วันหนึ่งเทพอู้กงจึงไปตรวจสวนท้อวิเศษ พร้อมกับหลิงเป่าเทียนจวินเทพแห่งพื้นดิน พระองค์จึงกล่าวแก่เทพอู้กงว่า ต้นท้อแถวแรกนี้ปลูกมา ๓๐๐๐ ปี จึงออกดอกออกผล หากผู้ใดรับประทานจะทำให้ร่างกายทรงพลัง ส่วนแถวที่สอง ปลูกมาได้ ๖๐๐๐ ปี จึงออกดอกออกผล ถ้าผู้ใดได้เสพก็จะมีอายุยิ่งยืนนาน เทพอู้กงเดินฟังอย่างตั้งใจ ส่วนแถวที่สามปลูกมา ๙๐๐๐ ปีจึงออกดอกออกผล หากใครได้รับประทานก็จะกลายเป็นเทพเจ้า เทพอู้กงได้ฟังก็ยินดียิ่งนัก แล้ววางแผนให้ปลอดจากเทพเจ้าหลิงเป่าเทียนจวิน จึงตรงเข้าไปในสวนท้อ แล้วตรงไปแถวที่สามปีนขึ้นไปเก็บเอาลูกท้อสุกมากินอย่างอร่อยหลายลูก เมื่อฤดูลูกท้อวิเศษสุก พระนางหนิ่ววาซื่อจึงทรงให้พระธิดาทั้งเจ็ดองค์ไปเก็บลูกท้อมาเลี้ยงบรรดาเทวดาทั้งหลาย เมื่อนางเก็บมาลูกหนึ่งเห็นมีตัวหนอนอยู่ จึงรู้ว่าเทพอู้กงแปลงร่างมากินลูกท้อ เมื่อเทพอู้กงตื่นขึ้นแปลงร่างกลับตามเดิม จึงเอะอะว่าพวกนางมาขโมยลูกท้อ แต่พวกนางก็ปฏิเสธ เมื่ออู้กงรู้ว่าจะเก็บเอาไปเลี้ยงเทพที่มีวังอยู่เท่านั้นจึงโกรธ ตรงไปยังวังของพระนางหนิ่ววาซื่อ เห็นเทพคนใช้กำลังจัดสุราอาหารอย่างดี ตนจึงเสกให้พวกนั้นสลบ แล้วเอาสุราวิเศษดึ่มจนเมา แล้วเดินผ่านห้องไท่ซังเล่าจวินที่วังโทวโซ่ว ท่านกำลังสอนศิษย์อยู่ ตนจึงเดินต่อไปเห็นหม้อต้มยามียาวางอยู่จึงเอามารับประทาน แล้วเหาะกลับไปยังฮัวกั่วซาน ฝ่ายทวยเทพไม่รู้ว่าใครขโมยสุราวิเศษไปดึ่ม ขโมยยาวิเศษและลูกท้อวิเศษด้วย เมื่อถามหาอู้กงปรากฏว่ากลับไปอยู่โลกมนุษย์แล้ว อิ้วหวางต้าตี้ จึงรับสั่งให้หลี่จิ้งและหลี่โลเชียยกทัพไปปราบ กองทัพจึงเตรียมเอาแหจำนวน ๑๘ หลังไปคลุมทั้งภูเขาฮัวกั่วซาน เพื่อจับพวกลิงและจ่าฝูง แต่พระกวนอิมโพธิสัตว์ทรงแนะนำองค์อิ้วหวางต้าตี้ให้ส่งเอียวเจี้ยนลงไปปราบ เมื่อเอียวเจี้ยนยกทัพลงไปถึง ได้สู้รบกับอู้กงกว่าสามร้อยเพลงก็ไม่มีใครแพ้ชนะ ต่างแปลงร่างต่อสู้กันหลายยก จนในที่สุดอู้กงถูกจับได้จากความคิดของไท่ซังเล่าจวิน พาขึ้นไปบนสวรรค์ ให้พวกทหารเทพฆ่าอู้กงฟันไม่ระคายเนื้อ เพราะกินยาวิเศษสามอย่างเข้าไปนั่นเอง คือ ลูกท้อวิเศษ สุราวิเศษ และยาวิเศษ ไท่ซังเล่าจวินแนะนำให้เอาอู้กงลงใส่หม้อต้มยา แล้วใช้ไฟวิเศษเผาก้นหม้อ ยาวิเศษจากตัวอู้กงคงตกตะกอนแน่ พวกทหารจึงจับอู้กงใส่หม้อยาต้มอยู่ ๔๙ วัน ไท่ซังเล่าจวินเห็นว่าอู้กงคงหมดพิษภัยแล้ว จึงเปิดฝาหม้อยาออกดู อู้กงจึงกระโจนออกจากหม้อยาแล้วอาละวาดพวกทวยเทพบริเวณนั้น พระกวนกิมโพธิสัตว์จึงทรงแนะนำอิ้วหวางต้าตี้ให้เชิญพระโพธิสัตว์พุทธเจ้ามาปราบ ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ที่แดนสวรรค์ตะวันตก เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง จึงทรงทักทายกับอู้กงซึ่งเขาบอกว่า ไม่มีใครปราบเขาได้หรอก พระองค์จึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นมาพนันกัน โดยให้อู้กงยืนบนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วให้กระโดดออกจากฝ่าพระหัตถ์ ถ้าเขาทำได้จะให้เป็นฮ่องเต้ แต่ถ้าทำไม่ได้โยมจะต้องลงไปจากสวรรค์ไปฝึกฝนต่อไป อู้กงเห็นดังนั้นจึงรับปากทันที ด้วยตนสามารถที่จะกระโดดตีลังกาไปไกลถึง ๑๘๐,๐๐๐ ลี้เพียงชั่วพริบตา ว่าแล้วอู้กงจึงกระโดดเข้าไปที่ฝ่าพระหัตถ์ แล้วกระโดดออกมาอย่างง่ายดาย ตนได้เหาะไปไกลแสนไกลจนถึงสุดขั้วสวรรค์ และดีใจที่เป็นคนแรกได้มาถึงปลายทางแห่งสวรรค์ เห็นเสาใหญ่ห้าต้นปักตระหง่านอยู่ จึงเหาะตรงไปยังเสาต้นกลาง จัดการถอนผมมาเส้นหนึ่งเสกให้เป็นพู่กันจารึกชื่อของตนไว้ว่าได้มาถึงที่นี่แล้ว เพื่อเป็นเกียรติยศ แล้วหันไปทางด้านขวามือซึ่งมีเสาอีกสองต้น ตนจึงเหาะไปฉี่รดเสาต้นแรกทันที แล้วเหาะกลับไปหาพระโพธิสัตว์พุทธเจ้า รายงานว่า ตนเหาะออกจากฝ่าพระหัตถ์ได้และกลับมาแล้ว พระองค์จึงทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า แน่ใจหรือว่า เหาะออกจากฝ่ามืออาตมา แล้วทรงตรัสให้ดูพระนิ้วกลางและหัวแม่มือ อู้กงเห็นตัวอักษรที่ตนเขียนไว้ที่เสา ที่แท้เป็นนิ้วกลางขององค์ท่าน พร้อมกับหันไปดูเสาอีกต้นที่ตนฉี่รดไว้ที่แท้ก็คือหัวแม่มือ ได้กลิ่นฉี่ของตนเองด้วย จึงพยายามหนีอีก แต่ไปไม่ได้ พระโพธิสัตว์พุทธเจ้าจึงส่งอู้กงไปยังหุบเขาหินขังไว้ที่นั่นเพื่อดัดนิสัย แล้วให้หลิงเป่าเทียนจวินและทวยเทพช่วยควบคุม ด้วยการให้กินยาเหล็กดึ่มน้ำทองแดงจนกว่าจะทุกข์ทรมานถึงที่สุดก็จะมีคนมาช่วย และในที่สุดอู้กงก็ได้พบกับพระถังซัมจั๋ง ซึ่งเดินทางไปสืบพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย ท่านประธานเหมาเจ๋อตง นิยมชมชอบซุนอู้กงที่เป็นคนกล้าคิดกล้าทำ ต่อสู้เพื่อปณิธานให้ความยากจนหลุดพ้นจากประเทศจีน วันสำคัญของซุนอู้กง คือ วันที่ ๑๖ ค่ำ เดือน ๘
: สมบูรณ์ แก่นตะเคียน ๒๙ เมษายน ๒๕๕๑
Title : Sun Wu Gong
: Somboon Kantakian
|
|
|